Genitique clinic

ตกขาวผิดปกติ เป็นสัญญาณบอกโรคอะไรบ้าง

การมีตกขาวผิดปกติอาจบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ตกขาวที่มีสี กลิ่น หรือปริมาณที่ผิดปกติอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ การมีตกขาวเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเป็นปกติกับผู้หญิงทุกคน ภาวะดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญต่อการรักษาสุขภาพของระบบสืบพันธุ์ เกิดจากสารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอด กล่าวคือตกขาวจะช่วยทำให้ช่องคลอดสะอาดและปราศจากการติดเชื้อ แต่อย่างไรก็ตามในบางครั้งการมีตกขาวที่มีสี หรือกลิ่นผิดปกติ รวมถึงการมาของตกขาวถี่มากขึ้น หรือมีอาการเจ็บ ตกขาวมีเลือดปน ต่าง ๆ เหล่านี้อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อบางอย่างที่จำเป็นต้องรีบแก้ไข บทความนี้ GENITIQUE CLINIC จะมาแนะนำให้กับผู้หญิงทุกคนได้ทราบว่า ตกขาวผิดปกติเป็นแบบไหน สาเหตุเกิดจากอะไร รวมถึงเป็นสัญญาณของโรคอะไรบ้าง เพื่อให้คุณได้เตรียมตัวให้พร้อม และรู้เท่าทันถึงอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น มาติดตามกันได้ในบทความนี้ค่ะ

ตกขาวผิดปกติเป็นยังไง

อาการตกขาวผิดปกติไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่ามีลักษณะแน่นอนอย่างไร ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา โดยทั่วไปแล้วสาเหตุหลักมักมาจากการติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น แต่ก็อาจเกิดจากเชื้อมะเร็ง เนื้องอก หรือมีสิ่งแปลกปลอมติดค้างภายในช่องคลอดได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามสัญญาณโดยทั่วไปที่มักสังเกตได้คือ

  1. มีสีผิดปกติ : โดยปกติแล้วตกขาวจะมีสีใสหรือสีขาว หากพบว่าตกขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เขียว เทา หรือตกขาวสีน้ำตาล ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าภาวะดังกล่าวบ่งบอกถึงการติดเชื้อ
  2. มีกลิ่นเหม็นรุนแรง : ชองคลอดมีกลิ่นเหม็นรุนแรง หรือกลิ่นคาว อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดหรือการติดเชื้ออื่น ๆ
  3. มีลักษณะเป็นก้อนหรือฟอง : ตกขาวปกติจะเป็นน้ำและเหนียวเล็กน้อย แต่หากตกขาวมีลักษณะเป็นก้อนหรือเป็นฟอง คล้ายกับชีสหรือโยเกิร์ต อาจมีการติดเชื้อราได้
  4. มีอาการคัน : หากสังเกตว่าขณะมีตกขาวมีอาการคันอย่างต่อเนื่อง มีผื่นแดง หรือบวมบริเวณรอบช่องคลอด อาการเหล่านี้มักเกิดในกรณีที่มีการติดเชื้อรา เช่น โรคแคนดิดา
  5. มีอาการเจ็บหรือรู้สึกไม่สบาย : ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการเจ็บอุ้งเชิงกราน หรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือรู้สึกแสบร้อนช่องคลอดเมื่อปัสสาวะ
  6. มีตกขาวปริมาณที่เพิ่มขึ้น : ปริมาณตกขาวที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะถ้าเกิดร่วมกับอาการอื่น ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
  7. ตกขาวมีเลือดปน : หากมีตกขาวมีเลือดปนโดยเฉพาะช่วงนอกรอบเดือน อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่ร้ายแรง เช่น เนื้องอกในปากมดลูก หรือแม้แต่มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

ฮอร์โมนมีบทบาทต่อการมีตกขาวอย่างไร ?

ฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญต่อการมีตกขาวทั้งนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมเนื้อสัมผัส ปริมาณ และลักษณะของตกขาว หากมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงจะทำให้มีตกขาวมีลักษณะใสซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ อาจส่งผลต่อการหล่อลื่นภายในช่องคลอดและอาจมีตกขาวผิดปกติหรือน้อยในบางครั้ง นอกจากนี้ความไม่สมดุลของฮอร์โมนอันเกิดจากอาการเจ็บป่วย เช่น โรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) หรือความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ อาจส่งผลต่อสมดุลของฮอร์โมนและนำไปสู่การมีตกขาวผิดปกติได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของค่า pH ในช่องคลอดและการผลิตเมือก อีกปัจจัยสำคัญก็คือการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน ก็อาจส่งผลต่อการมีตกขาวได้เช่นกัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกาย ซึ่งมักทำให้มีตกขาวมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นอยู่กับชนิดของการคุมกำเนิดนั่นเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีตกขาวร่วมกับอาการต่าง ๆ เช่น อาการคันกลิ่นฉุนรุนแรง มีไข้ สีหรือเนื้อสัมผัสผิดปกติ มีเลือดปน หรือมีอาการเจ็บ อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง

Genitique clinic

ไลฟ์สไตล์และสุขอนามัยมีผลทำให้เกิดตกขาวผิดปกติอย่างไร ?

ตกขาวผิดปกติอาจเกิดจากปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตและการดูแลด้านสุขอนามัย เหตุผลที่พบได้บ่อย คือ

  • สุขอนามัยที่ไม่ดี

การทำความสะอาดที่ไม่ดีพอ : การดูแลสุขอนามัยช่องคลอดที่ไม่เหมาะสม เช่น ละเลยไม่ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศเป็นประจำ อาจทำให้แบคทีเรียหรือเชื้อราเจริญเติบโตมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ เช่น แบคทีเรียในช่องคลอด (BV) หรือการติดเชื้อรา ซึ่งทำให้เกิดตกขาวผิดปกติตามมาได้ ทั้งนี้ยังรวมถึงการเช็คทำความสะอาดที่ผิดวิธี (เช็ดจากทวารหนักไล่มาที่บริเวณอวัยวะเพศ)

การทำความสะอาดมากเกินไป : ในทางกลับกันการล้างทำความสะอาดมากเกินไป โดยเฉพาะสบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรงหรือการสวนล้างช่องคลอด อาจรบกวนสมดุลตามธรรมชาติของแบคทีเรียในช่องคลอด (จุลินทรีย์ในช่องคลอด) ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อและการตกขาวผิดปกติ

ไม่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์อนามัยเป็นประจำ : การใส่ผ้าอนามัยแบบสอด ผ้าอนามัย หรือแผ่นอนามัยเป็นเวลานานเกินไป อาจก่อให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้

  • การสวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือไม่ระบายอากาศ

การสวมเสื้อผ้ารัดรูปหรือระบายอากาศได้ไม่ดีพอ เช่น ชุดชั้นในที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ อาจสร้างสภาพแวดล้อมที่อับชื้น ซึ่งจะไปกระตุ้นให้แบคทีเรียและเชื้อราเติบโต ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ทำให้เกิดการตกขาวผิดปกติได้

  • กิจกรรมทางเพศ

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือมีคู่นอนหลายคน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STI) เช่น หนองในแท้ คลามีเดีย และทริโคโมนาส ซึ่งทั้งหมดนี้อาจทำให้มีตกขาวผิดปกติได้

การไม่รักษาสุขอนามัยหลังมีเพศสัมพันธ์อย่างเหมาะสม เช่น การปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือการทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและทำให้มีตกขาวผิดปกติได้เช่นกัน

  • อาหาร

การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงจะไปกระตุ้นให้ยีสต์เจริญเติบโตมากเกินไป ทำให้มีโอกาสมีตกขาวผิดปกติได้ นอกจากนี้ภาวะร่างกายขาดน้ำจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ ย่อมทำให้สมดุลภายในร่างกายเสียไปรวมถึงภายในช่องคลอดด้วย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการมีตกขาวผิดปกติได้เช่นกัน

  • ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

ความเครียดเรื้อรังและการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีตกขาวผิดปกติได้

  • การใช้ยา

การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน จะไปทำลายแบคทีเรียดีในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดติดเชื้อได้ง่าย เช่นเดียวกับการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนบางชนิด อาจส่งผลถึงปริมาณและความสม่ำเสมอของตกขาวได้เช่นกัน

  • การสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมของร่างกาย และอาจเพิ่มความเสี่ยงช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

Genitique clinic

แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันภาวะตกขาวผิดปกติ

เพื่อป้องกันการมีตกขาวผิดปกติ จำเป็นต้องสร้างนิสัยด้านสุขอนามัยที่ดี เลือกใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี และใส่ใจต่อสิ่งเร้าที่ส่งผลต่อการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศที่อาจเกิดขึ้น ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

  • ล้างบริเวณอวัยวะเพศภายนอกอย่างถูกต้องทุกวัน
  • ควรทำความสะอาดสุขภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • เช็ดทำความสะอาดน้องสาวจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากทวารหนักมาเปื้อนช่องคลอด
  • เปลี่ยนผลิตภัณฑ์สุขอนามัยเป็นประจำ
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีและใส่สบาย
  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน
  • รักษาระดับน้ำในร่างกายให้เหมาะสม
  • ตรวจสุขภาพช่องคลอดเป็นประจำ
  • ใช้ยาปฏิชีวนะเท่าที่จำเป็น และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์เฉพาะทาง
  • ลดความเครียดและนอนหลับให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

ตกขาวผิดปกติรักษาอย่างไร

การมีตกขาวผิดปกติ วิธีรักษาที่มีประสิทธิผลที่สุดจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง ดังนั้นหากพบว่ามีตกขาวผิดปกติอย่างต่อเนื่อง และมีอาการรุนแรง เช่น มีไข้ ช่องคลอดมีกลิ่น มีสีผิดปกติ ตกขาวมีเลือดปน มีอาการคันช่องคลอด ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม

Genitique clinic

โรคที่มาพร้อมตกขาวผิดปกติมีอะไรบ้าง

ตกขาวผิดปกติมักเกิดจากการติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อปรสิต หรือเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมักมีสี กลิ่น และอาการต่าง ๆ ตามมาแล้วแต่โรค ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดเปลี่ยนไป สำหรับสัญญาณของโรคที่มักมีตกขาวผิดปกติมีดังต่อไปนี้

  • ภาวะช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักพบได้บ่อยในผู้ที่ตั้งครรภ์หรือมีคู่นอนหลายคน
  • มะเร็งปากมดลูก
  • โรคหนองในเทียม ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • มีภาวะโรคเบาหวาน
  • การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานหลังการผ่าตัด
  • โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ
  • ติดเชื้อ Trichomoniasis ซึ่งเป็นเชื้อปรสิต มักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน
  • ภาวะช่องคลอดฝ่อ ภาวะผนังช่องคลอดบางและแห้งในช่วงวัยหมดประจำเดือน
  • ช่องคลอดอักเสบ ระคายเคืองในหรือรอบ ๆ ช่องคลอด
  • การติดเชื้อราในช่องคลอด

ข้อควรรู้ : พฤติกรรมดังต่อไปนี้อาจทำให้เกิดตกขาวผิดปกติได้เช่นกัน ได้แก่ การสวนล้างช่องคลอด, การทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม, การใช้ยาปฏิชีวนะหรือสเตียรอยด์ และการใช้ยาคุมกำเนิด

สรุป

การมีตกขาวผิดปกติ เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน การดูแลสุขภาพทางเพศให้ดีทั้งกายและใจ การปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้อาจช่วยป้องกันตกขาวผิดปกติได้ และสำหรับใครที่กำลังประสบปัญหามีตกขาวผิดปกติ หรือไม่แน่ใจ สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับแพทย์โดยเร็ว เพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัด เนื่องจากการรักษาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับภาวะที่เป็นอยู่ ยิ่งรู้สาเหตุก่อโรคได้เร็วก็จะยิ่งรักษาได้ตรงตามอาการ ช่วยให้การรักษามีประสิทธิผลดียิ่งขึ้น

บทความน่าสนใจ

Picture of แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

Global Speaker and Trainer in Aesthetic Gynecology แพทย์ผู้สอนงานประชุมวิชาการ ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก และ American Board of Cosmetic Gynecology, U.S.A. (คนแรกของไทย)

บทความใหม่

ค้นหาข้อมูล

บริการของเรา