Genitique clinic

ตกขาวสีเขียวอันตรายไหม วิธีดูแลตนเองให้ปลอดภัยทำอย่างไร

ตกขาวสีเขียว เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นภายในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง โดยเฉพาะหากมาพร้อมกลิ่นเหม็นหรืออาการผิดปกติ เช่น คัน แสบร้อน หรือปวดขณะปัสสาวะ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือความไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะอื่น ๆ ที่ต้องได้รับการรักษา การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาว่าเหตุใดตกขาวถึงเปลี่ยนเป็นสีเขียว และเมื่อใดที่ต้องพบแพทย์ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพ หากคุณสงสัยว่า ตกขาวเกิดจากอะไร และควรดูแลตนเองอย่างไร เราจะพาคุณมาสำรวจสาเหตุและวิธีป้องกันอย่างละเอียดในบทความนี้

ตกขาวเกิดจากอะไร

ตกขาว เป็นกระบวนการธรรมชาติที่ร่างกายขับสารคัดหลั่งออกมาเพื่อรักษาความสะอาดและความชุ่มชื้นในช่องคลอด ช่วยให้ช่องคลอดสะอาด มีความชุ่มชื้น และปราศจากการติดเชื้อ เพื่อรักษาสมดุลโดยแต่ละช่วงเวลาตกขาวจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนของร่างกายแต่หาก ตกขาวสีเขียว หรือมีลักษณะตกขาวผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็น หรือเป็นฟอง อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ เช่น แบคทีเรียวาจิโนซิส หรือ โรคพยาธิในช่องคลอด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ตกขาวสีเขียวเป็นสัญญาณของโรคอะไร

ตกขาวสีเขียวไม่ใช่ภาวะปกติที่เกิดขึ้น และมักบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการรักษา สำหรับตกขาวสีเขียวมักเกิดจากการอักเสบในระบบสืบพันธุ์หรือทางเดินปัสสาวะ รวมถึงการติดเชื้อภายในช่องคลอด โดยตกขาวสีเขียวมักมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น คัน ระคายเคืองช่องคลอด แสบช่องคลอด แสบขณะปัสสาวะ เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ รวมถึงอาการปวดอุ้งเชิงกราน สำหรับตกขาวสีเขียวเป็นสัญญาณของโรคดังต่อไปนี้

● โรคพยาธิในช่องคลอด

โรคพยาธิในช่องคลอด หรือ โรคติดเชื้อทริโคโมนาส (Trichomonas vaginalis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ที่เกิดจากปรสิต ติดต่อทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น ผู้ป่วยมักมีตกขาวมากกว่าปกติ เป็นฟอง กลิ่นเหม็นคาวปลา
มีเลือดออกจากในช่องคลอด แสบ คันบริเวณอวัยวะเพศ รวมถึงปวดปัสสาวะบ่อย

● หนองในแท้-หนองในเทียม

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บหรือแสบร้อนขณะปัสสาวะและมีเพศสัมพันธ์ หรือ
มีเลือดออกทางช่องคลอด หนองในหากไม่รีบรักษาอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงอย่างเช่น โรคอักเสบ
ในอุ้งเชิงกราน ซึ่งอาจทำให้ระบบสืบพันธุ์เสียหายถาวร ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก รวมถึงไม่สามารถตั้งครรภ์
ได้อีกต่อไป

● แบคทีเรียวาจิโนซิส

เกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียภายในช่องคลอด โดยแบคทีเรียชนิดก่อโรคเพิ่มจำนวนมากขึ้น ในขณะที่แบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แลคโตบาซิลไล (Latobacilli) มีจำนวนน้อยลง จึงทำให้ช่องคลอดอักเสบ เป็นการติดเชื้อช่องคลอดที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงอายุระหว่าง 15-44 ปี และเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น HIV, เริม, หนองใน และโรคอักเสบในอุ้งเชิงกราน

ตกขาวสีเขียวแบบไหนควรพบแพทย์

หากมีตกขาวเปลี่ยนเป็นสีเขียวร่วมกับอาการดังต่อไปนี้ ขอแนะนำให้ควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันที

  1. กลิ่นที่รุนแรงหรือเหม็น : ตกขาวสีเขียวพร้อมกลิ่นเหม็น มักบ่งชี้ถึงการติดเชื้อ เช่น แบคทีเรียในช่องคลอดหรือ โรคติดเชื้อทริโคโมนาส
  2. อาการคันหรือแสบร้อน : ความรู้สึกไม่สบายในหรือรอบ ๆ ช่องคลอด อาจบ่งบอกถึงการระคายเคืองหรือ
    การติดเชื้อ อาการปวดขณะปัสสาวะหรือขณะมีเพศสัมพันธ์ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ภาวะบางอย่าง เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI)
  3. อาการปวดในอุ้งเชิงกรานหรือช่องท้อง : อาการปวดอย่างต่อเนื่องอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่ร้ายแรงกว่าซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาทันที
  4. อาการบวมหรือมีรอยแดงรอบ ๆ ช่องคลอด : อาจบ่งบอกถึงอาการอักเสบหรือระคายเคืองที่เกี่ยวข้องกับ
    การตกขาว
  5. การเปลี่ยนแปลงในปริมาณหรือความสม่ำเสมอของการมีตกขาว : การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง หรือเหนียวข้น เป็นสัญญาณที่น่ากังวลและควรรีบรักษาในทันที
  6. อาการไข้หรือหนาวสั่น : อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่าการติดเชื้อได้แพร่กระจายและต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์โดยด่วน
  7. การตั้งครรภ์ : หากคุณตั้งครรภ์และสังเกตเห็นตกขาวสีเขียว ควรไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากการติดเชื้อ
    ในระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบต่อทั้งแม่และทารกในครรภ์ได้

Genitique clinic

วิธีดูแลตนเองหลังมีตกขาวสีเขียว

  • รีบพบแพทย์เสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาได้อย่างทันท่วงที
  • รับประทานยาปฏิชีวนะหรือยาต้านเชื้อราตามแพทย์สั่งให้ครบ
  • ปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี ล้างช่องคลอดให้สะอาด หลีกเลี่ยงการสวนล้างเพราะจะไปทำลายจุลินทรีย์ชนิดดีในช่องคลอด
  • ไม่สวมกางเกงในที่รัดแน่นเพื่อการระบายอากาศที่ดี
  • หมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยเป็นประจำเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
  • หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เช่น อาหารหมักดอง อาหารรสจัด อาหารที่มีน้ำตาลสูง
  • งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายเป็นปกติ
  • ดื่มน้ำให้มากเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย และรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติก เพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องคลอด
  • เข้ารับการตรวจสุขภาพช่องคลอดเป็นประจำ

ตกขาวสีเขียวหายเองได้ไหม

โดยปกติแล้วภาวะมีตกขาวสีเขียวสามารถหายเองได้ แต่จะกินระยะเวลานาน ซึ่งไม่แนะนำปล่อยให้หายเองเนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่รุนแรงตามมา นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำ นอกจากนี้หากคุณตั้งครรภ์ ตกขาวสีเขียวอาจเป็นอันตรายต่อการทารกในครรภ์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ตกขาวสีเขียวรักษาอย่างไร

อาการตกขาวเป็นสีเขียวมักเกิดจากพยาธิและเชื้อแบคทีเรียซึ่งต้องได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งคนไข้จะต้องรับประทานยาให้ครบปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์สั่ง ไม่ควรหยุดยาเอง สำหรับยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษามีดังนี้

  • อะซิโธรนมัยซิน (Azithromycin) มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย มักใช้รักษาโรคติดเชื้อและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน
  • คลินดามัยซิน (Clindamycin) ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งการเจริญเติบโตแบคทีเรียภายในช่องคลอด ขนาดรับประทาน 30 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 5-7 วัน
  • ทินิดาโซล (Tinidazole) ใช้รักษาโรคติดเชื้อจากพยาธิหรือแบคทีเรีย ขนาดรับประทาน 400 – 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 5-7 วัน
  • เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย ขนาดรับประทาน 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งพร้อมอาหาร ติดต่อกัน 5-7 วัน

Genitique clinic

วิธีป้องกันตนเองจากภาวะตกขาวสีเขียว

ตกขาวสีเขียวมักเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ โดยเฉพาะแบคทีเรียในช่องคลอด (BV) หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) เช่น ทริโคโมนาส การป้องกันตัวเองต้องอาศัยสุขอนามัยที่ดี การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการดูแลทางการแพทย์อย่างทันท่วงที ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่ช่วยป้องกันตกขาวสีเขียวในเบื้องต้น

1. ปฏิบัติสุขอนามัยที่ดี

รักษาความสะอาดบริเวณช่องคลอด : ใช้สบู่อ่อน ๆ และน้ำอุ่นในการทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศภายนอก หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจทำให้ค่า pH ในช่องคลอดเสียสมดุล

สวมชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี : เลือกชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้ายเพื่อลดการสะสมของความชื้นซึ่งอาจกระตุ้นให้แบคทีเรียเติบโตได้ หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้ารัดรูปที่กักเก็บความร้อนและความชื้น

เช็ดน้องสาวอย่างถูกวิธี : เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอเพื่อป้องกันแบคทีเรียแพร่กระจายจากทวารหนักไปยังช่องคลอด

2. มีกิจกรรมทางเพศที่ปลอดภัย

ใช้ถุงยางอนามัย : ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจทำให้เกิดตกขาวสีเขียว เช่น เชื้อทริโคโมนาส

เลี่ยงมีคู่นอนหลายคน : การลดจำนวนคู่นอนอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้

สื่อสารกับคู่รัก : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายได้รับการตรวจและรับการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หากจำเป็น

3. รักษาสภาพแวดล้อมในช่องคลอดให้มีสุขภาพดี

หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง : หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ สเปรย์ หรือผ้าอนามัยแบบสอดที่มีกลิ่นหอม เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อช่องคลอดเกิดการระคายเคืองและทำลายจุลินทรีย์ตามธรรมชาติได้

รักษาสมดุลการรับประทานอาหาร : โปรไบโอติกที่พบในโยเกิร์ตและอาหารเสริมสามารถช่วยเสริมสร้างจุลินทรีย์ในช่องคลอดให้มีสุขภาพดี

รักษาระดับน้ำในร่างกายให้เหมาะสม : การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยรักษาสุขภาพโดยรวม รวมถึงสุขภาพช่องคลอดด้วย

4. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตกขาวปกติ : ตกขาวปกติมักจะมีลักษณะใส สีขาว หรือสีเหลืองอ่อน และไม่มีกลิ่น หากคุณสังเกตเห็นตกขาวเปลี่ยนเป็นสีเขียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาพร้อมกับกลิ่นเหม็น อาการคัน หรือรู้สึกไม่สบายตัว ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

ตกขาวสีเขียวห้ามกินอะไร

เนื่องจากภาวะตกขาวสีเขียวเกิดจากการติดเชื้อซึ่งจะต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารดังต่อไปนี้

  • ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม
  • ชีส
  • ปลาดิบ ซูชิ
  • อาหารหมักดอง

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะคงได้ทราบคำตอบกันไปแล้วเกี่ยวกับภาวะมีตกขาวสีเขียวมีสาเหตุมาจากอะไร การรู้จักวิธีป้องกันตนเอง รวมถึงวิธีสังเกตอาการว่าแบบไหนควรต้องพบแพทย์ จะช่วยให้คุณสามารถดูแลตนเองและคู่ของคุณได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และหากท่านใดมีปัญหาต้องสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศไม่รู้จะไปปรึกษาใคร หรือต้องการปรับปรุงเรื่องความสวยงามให้กับน้องสาวและน้องชาย GENITIQUE CLINIC ยินดีเป็นพื้นที่ปลอดภัย เพราะที่นี่คือคลินิกเฉพาะทางความงามจุดซ่อนเร้น สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 062-924-4966 หรือ Line: @Genitiqueclinic เรายินดีให้บริการอย่างใกล้ชิดทุกเคสค่ะ

บทความน่าสนใจ

Picture of แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

สูตินรีแพทย์เฉพาะทาง ดูแลด้านความงามจุดซ่อนเร้นและสุขภาพเพศ
Gynecologist, providing care services in Aesthetic Gynecology and sexology, Global Speaker

บทความใหม่

ค้นหาข้อมูล

บริการของเรา