ถุงยางผู้หญิง มีข้อดีอย่างไร ใครที่เหมาะกับถุงยางประเภทนี้
รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันความนิยมในการใช้ถุงยางผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่ทราบกันดีว่าวิธีคุมกำเนิดที่ปลอดภัยและง่ายที่สุดก็คือ การใช้ถุงยางอนามัย เพราะหาซื้อได้ง่าย ราคาถูก ใช้งานง่าย จริงอยู่สมัยก่อนเรามักคุ้นชินกับถุงยางอนามัยที่ผู้ชายใช้กัน แต่ว่าปัจจุบันผู้หญิงเลือกที่จะใช้ถุงยางสำหรับสตรีกันมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อตัดปัญหาและป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจตามมาโดยไม่ตั้งใจ บทความ GENITIQUE CLINIC นี้จะมาทำความรู้จักถุงยางผู้หญิงคืออะไร มีข้อดีอย่างไร ใครบ้างที่เหมาะกับถุงยางประเภทนี้ มาหาคำตอบกันได้เลยค่ะ
ถุงยางผู้หญิง คืออะไร
ถุงยางผู้หญิง หรือ ถุงยางอนามัยผู้หญิง คือ อุปกรณ์คุมกำเนิดที่ผ่านการรับรองจาก (องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) เมื่อปี ค.ศ.1993 (พ.ศ.2536) ทำมาจากโพลียูรีเทน (Polyurethane) มีลักษณะเป็นท่อบาง ๆ ที่ใส่เข้าไปในช่องคลอด และดึงออกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ที่ปลายทั้งสองด้านจะมีห่วงวงแหวน 2 ห่วงสำหรับคงรูปร่างง่ายต่อการใช้งาน โดยปลายด้านหนึ่งจะถูกสอดเข้าไปภายในช่องคลอดก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ ส่วนปลายอีกด้านจะเป็นปลายเปิดยื่นออกมาจากช่องคลอดทำให้ง่ายต่อการถอดทิ้งหลังใช้งาน สำหรับกลไกการทำงานของถุงยางผู้หญิงจะช่วยดักจับน้ำอสุจิไม่ให้เข้าไปสู่โพรงมดลูก ป้องกันการปฏิสนธิกับไข่ซึ่งนำมาสู่การตั้งครรภ์ในที่สุด
ถุงยางผู้หญิงเหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดโดยที่ไม่อยากใช้ยาคุมหรือไม่เคยใช้ยาคุมกำเนิดมาก่อน
- เหมาะกับสถานการณ์ที่คู่ของคุณแพ้หรือรู้สึกไวต่อถุงยางอนามัยแบบลาเทกซ์
- ผู้ที่มีโรคหรือคู่นอนมีโรคที่สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน ไวรัสตับอักเสบ ติดเชื้อเอชไอวี ซิฟิลิส ฯลฯ
- ผู้ที่มีการคุมกำเนิดในรูปแบบอื่นอยู่แล้ว แต่อยากป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มเติมด้วย
ถุงยางผู้หญิงใส่แบบไหน
- ล้างมือให้สะอาดก่อนฉีกซองถุงยาง และระวังอย่างให้เกิดการฉีกขาด
- นั่งในท่าที่เหมาะสม นั่งยอง ๆ หรือ นอนหงายชันเข่า แยกขาเล็กน้อย หรือ ยืนแล้วเอาขาข้างหนึ่งพาดที่เก้าอี้
- ใช้มือข้างหนึ่งจับห่วงวงแหวนแล้วใช้หัวแม่มือกับนิ้วกลางบีบห่วงเข้าหากันเป็นวงรี จากนั้นค่อย ๆ สอดถุงยางเข้าไปในช่องคลอด
- ใช้นิ้วมือสอดเข้าไปภายในถุงยางเพื่อดันถุงยางอนามัยให้ลึกเข้าไปใกล้กับบริเวณปากมดลูกมากที่สุด จากนั้นถุงยางจะคลายตัวและขยายออกเอง
ถุงยางผู้หญิงถอดยังไง
หลังมีเพศสัมพันธ์น้ำอสุจิจะถูกเก็บอยู่ในถุง วิธีถอดถุงยางให้จับห่วงที่อยู่ภายนอกจากนั้นบิดปากถุงเป็นเกลียวประมาณ 3-4 รอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้ออสุจิจะไม่ไหลย้อนกลับออกมา แล้วจึงค่อย ๆ ดึงถุงยางออกมาจากช่องคลอด
ข้อดีของถุงยางผู้หญิงมีอะไรบ้าง
ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงหรือที่เรียกอีกอย่างว่าถุงยางอนามัยภายใน เป็นทางเลือกในการคุมกำเนิดที่มีประโยชน์หลายประการสำหรับผู้หญิงและคู่ครอง ดังนี้
- ป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เพราะไม่ต้องได้รับความยินยอมจากฝ่ายชาย
- ถุงยางผู้หญิงจะไม่ไปรบกวนสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงที่ไม่สามารถหรือไม่ต้องการใช้วิธีคุมกำเนิดที่ใช้ฮอร์โมน
- สามารถใส่ถุงยางล่วงหน้าได้หลายชั่วโมงก่อนมีกิจกรรมทางเพศ ซึ่งจะช่วยลดการรบกวนช่วงเวลาแห่งความใกล้ชิด และช่วยให้เกิดความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่าเมื่อเทียบกับถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย เนื่องจากวงแหวนด้านนอกอาจช่วยเพิ่มการกระตุ้นที่คลิตอริส และไม่ทำให้องคชาตหดตัว
- เป็นมิตรต่อผู้แพ้ง่าย เพราะทำจากวัสดุที่ไม่ใช่ลาเท็กซ์ เช่น ไนไตรล์ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้ลาเท็กซ์หรือมีความไวต่อลาเท็กซ์
- ถุงยางผู้หญิงเข้ากันได้ดีกับสารหล่อลื่นชนิดน้ำมันหรือน้ำ ซึ่งต่างจากถุงยางผู้ชายที่ทำจากน้ำยาง ซึ่งอาจเสื่อมสภาพได้หากใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ชนิดน้ำมัน
- สามารถใช้ในช่วงมีประจำเดือนเพื่อปกป้องและยังควบคุมการไหลเวียนของเลือดให้สะอาดยิ่งขึ้น
- ส่งเสริมการเจรจาต่อรองในสถานการณ์ที่คู่ครองชายไม่เต็มใจที่จะใช้ถุงยางอนามัย
ข้อเสียของการใช้ถุงยางผู้หญิง
แม้ว่าถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ผู้ใช้ควรพิจารณาด้วยเช่นกัน
- ถุงยางผู้หญิงจะมีราคาแพงกว่าถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย ซึ่งอาจทำให้บางคนเข้าถึงถุงยางอนามัยได้ยากขึ้น
- ถุงยางผู้หญิงไม่ได้มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายเหมือนกับถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย ทำให้การหาซื้อยากขึ้นในบางพื้นที่
- การใส่และถอดที่ถูกต้อง ต้องอาศัยการฝึกฝน ผู้ใช้บางรายอาจพบว่าขั้นตอนนี้ลำบากในตอนแรก
- การใช้อย่างไม่ถูกต้อง อาจลดประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs)
- ผู้ใช้บางรายอาจรู้สึกว่าถุงยางใหญ่เกินไปหรือรู้สึกไม่สบายจากวงแหวนด้านนอก
- ปิดกั้นการสัมผัสกันโดยตรงของอวัยวะเพศชายและหญิง ส่งผลต่อประสบการณ์ทางเพศได้
- ถุงยางผู้หญิงอาจส่งเสียงดังขณะมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเสียสมาธิ แต่ก็สามารถแก้ได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่นช่วย
- หากใส่ไม่ถูกต้อง ถุงยางอนามัยอาจเลื่อนหลุดหรือถูกดันเข้าไปในช่องคลอด
- แม้ว่าถุงยางผู้หญิงจะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่แพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกายได้ แต่ก็อาจไม่สามารถครอบคลุมบริเวณภายนอกที่มีการสัมผัสผิวหนังได้ครบถ้วน เช่น บริเวณรอบ ๆ ปากช่องคลอด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อบางชนิดมากขึ้น (เช่น เริมหรือ HPV)
- แม้ว่าถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงมักจะทำจากวัสดุที่ไม่ใช่น้ำยาง แต่ผู้ใช้บางรายอาจยังคงรู้สึกระคายเคืองหรือแพ้วัสดุหรือสารหล่อลื่นบางชนิด
ถุงยางผู้หญิง ราคาเท่าไหร่
ถุงยางผู้หญิงจะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 150-300 บาท
ถุงยางผู้หญิงใช้ยังไง หาซื้อได้ที่ไหน
สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าออนไลน์ ร้านขายยา ขอแนะนำให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขายว่าเป็นเภสัชกรหรือผู้ค้าปลีกที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับถุงยางผู้หญิง
ถุงยางผู้หญิงคืออะไร?
ถุงยางผู้หญิงเป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดที่ใส่ในช่องคลอดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์…
ถุงยางผู้หญิงเหมาะกับใคร?
ถุงยางผู้หญิงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมน หรือผู้ที่ต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มเติม…
ถุงยางผู้หญิงใส่อย่างไร?
ล้างมือให้สะอาดก่อนฉีกซองถุงยาง จากนั้นในท่าที่เหมาะสม เช่น นั่งยอง ๆ หรือชันเข่า ใช้นิ้วมือสอดถุงยางเข้าไปในช่องคลอด…
ถุงยางผู้หญิงหาซื้อได้ที่ไหน?
สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำ ห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อถือได้…
คำแนะนำเพิ่มเติม
- โดยทั่วไปผู้ใช้จะต้องเลือกถุงยางที่มีเครื่องหมาย อย. บนฉลากผลิตภัณฑ์
- ห้ามใช้ถุงยางผู้หญิงร่วมกับถุงยางผู้ชาย เพราะจะทำให้เกิดการเสียดสีและเกิดการฉีกขาดได้ง่าย
- ห้ามใช้ซ้ำเด็ดขาด ให้ใช้ถุงยางเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง
- ขณะมีเพศสัมพันธ์หากห่วงวงแหวนหลุดเข้าไปในช่องคลอด ให้ถอดถุงยางออกแล้วเปลี่ยนอันใหม่ทันที
- หากพบว่าถุงยางทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ กลัวตั้งครรภ์ ควรรีบซื้อยาคุมฉุกเฉินมารับประทานทันที
ถุงยางผู้หญิง อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการคุมกำเนิดที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามควรศึกษาถึงข้อดี ความเหมาะสมกับสถานการณ์ รวมถึงวิธีใช้อย่างละเอียดก่อนใช้งาน เพื่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิผล