ยาคุมกินแล้วไม่อ้วน 2567 วิธีเลือกและข้อควรระวังที่ผู้หญิงต้องรู้
ยาคุม คือ ตัวเลือกของการคุมกำเนิดของผู้หญิงที่สะดวกและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์ สำหรับยาคุมกินแล้วไม่อ้วนได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากโดยส่วนใหญ่การกินยาคุมผลข้างเคียงที่สร้างความกังวล ก็คือ กินแล้วทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้หญิงจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนลังเลหรือมองหาทางเลือกอื่น Genitique clinic จะมาไขความกระจ่างให้ได้ทราบถึงยาคุมที่กินแล้วไม่อ้วนมีหรือไม่ หาซื้อได้ที่ไหน ข้อดีและข้อควรระวังที่ต้องรู้ มาติดตามได้ในบทความนี่้ค่ะ
ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน มีกี่ประเภท
ยาคุมกำเนิดโดยทั่วไปจะมีฮอร์โมนสังเคราะห์ที่เลียนแบบฮอร์โมนตามธรรมชาติในร่างกายของผู้หญิง เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ สำหรับยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- ยาคุมกำเนิดแบบผสม (COC) : เป็นยาคุมกำเนินชนิดฮอร์โมนรวม ประกอบด้วยเอสโตรเจนและโปรเจสติน
เหมาะสำหรับ
- บุคคลที่มีสุขภาพดี ไม่สูบบุหรี่ และมีอายุต่ำกว่า 35 ปี : COC โดยทั่วไปจะปลอดภัยสำหรับผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่และมีอายุต่ำกว่า 35 ปี
- สตรีที่มีรอบเดือนปกติ : COC สามารถช่วยควบคุมรอบเดือนได้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสตรีที่มีรอบเดือนปกติที่ต้องการคุมกำเนิด
- บุคคลที่ไม่มีภาวะสุขภาพที่ห้ามใช้ : ผู้หญิงที่ไม่มีประวัติลิ่มเลือด โรคหลอดเลือดสมอง หรือมะเร็งที่ไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน สามารถใช้ COC ได้
- ผู้หญิงที่มองหาประโยชน์ด้านอื่นที่ไม่ใช่แค่การคุมกำเนิด : COC สามารถลดอาการปวดประจำเดือน ทำให้มีประจำเดือนน้อยลง และอาจช่วยลดสิวได้
- บุคคลที่มีอาการถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) : COC สามารถช่วยจัดการอาการของ PCOS เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ และระดับแอนโดรเจนที่มากเกินไป
- สตรีที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งรังไข่และเยื่อบุโพรงมดลูก : การใช้ COC ในระยะยาวมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อมะเร็งรังไข่และเยื่อบุโพรงมดลูกที่ลดลง
ไม่เหมาะกับ
- ผู้สูบบุหรี่ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี : เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดหัวใจ เช่น ลิ่มเลือด หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง
- สตรีที่มีประวัติลิ่มเลือดหรือโรคหลอดเลือดสมอง : เอสโตรเจนใน COC เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติโรคลิ่มเลือดอุดตัน
- สตรีที่มีโรคมะเร็งบางชนิด : สตรีที่มีประวัติมะเร็งเต้านม มะเร็งตับ หรือมะเร็งชนิดอื่นที่ไวต่อเอสโตรเจน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ COC
- บุคคลที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุม : ความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุมที่ดีอาจรุนแรงขึ้นได้จากฮอร์โมนเอสโตรเจนใน COC
- สตรีที่มีไมเกรนพร้อมออร่า : COC อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองในสตรีที่มีไมเกรนออร่า (มีอาการเตือนก่อนจะเริ่มปวดหัว)
- สตรีที่มีโรคตับ : COC จะถูกเผาผลาญโดยตับ ดังนั้นจึงไม่แนะนำสำหรับสตรีที่มีโรคตับ
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อน : ผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวานและมีภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดควรหลีกเลี่ยงการใช้ COC เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดและหัวใจที่เพิ่มมากขึ้น
- สตรีที่กำลังให้นมบุตร : COC อาจลดการผลิตน้ำนม ดังนั้นจึงมักไม่แนะนำให้รับประทานในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังคลอดสำหรับมารดาที่ให้นมบุตร
- ยาเม็ดที่มีเฉพาะโปรเจสติน (POP) : เป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งมีเฉพาะโปรเจสตินเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ไม่สามารถกินยาคุมที่มีส่วนผสมของเอสโตรเจนได้
เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่ไม่สามารถรับประทานเอสโตรเจนได้ : POP เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้หญิงที่ได้รับคำแนะนำไม่ให้รับประทานเอสโตรเจนเนื่องจากภาวะต่าง ๆ เช่น มีประวัติลิ่มเลือด ไมเกรนที่มีอาการออร่า หรือความดันโลหิตสูง
- สตรีที่ให้นมบุตร : สาร POP ไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำนม ทำให้เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับมารดาที่ให้นมบุตร
- สตรีที่มีอายุมากกว่า 35 ปีที่สูบบุหรี่ : ไม่แนะนำยาเม็ดที่ประกอบด้วยเอสโตรเจนสำหรับกลุ่มนี้ ดังนั้น POP จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
- สตรีที่เพิ่งคลอดบุตร : สามารถเริ่มใช้ POP ได้ในทันทีหลังคลอด เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดเหมือนกับยาเม็ดคุมกำเนิดแบบรวม
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด : เนื่องจาก POP ไม่มีเอสโตรเจน จึงโดยทั่วไปจึงปลอดภัยกว่าสำหรับผู้หญิงที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาหลอดเลือดและหัวใจสูง
ไม่เหมาะกับ
- หญิงตั้งครรภ์ : อาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์
- ผู้ที่มีมะเร็งเต้านมระยะรุนแรง : โดยทั่วไปสตรีที่มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมมักจะหลีกเลี่ยงการคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน
- ผู้ที่มีโรคตับ : โรคตับขั้นรุนแรงอาจขัดขวางการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน
- ผู้ที่มีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ : ควรประเมินการมีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุก่อนเริ่มใช้ POP
- ผู้ที่มีปัญหาในการรับประทานยาตามกำหนดเวลาอย่างเคร่งครัด : จำเป็นต้องรับประทานยา POP ในเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อให้ได้ผลสูงสุด ผู้ที่มีปัญหาในการรักษาตารางเวลาอย่างเคร่งครัดอาจพบว่าการใช้ยา POP มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องท้าทาย
**ยา POP อาจทำให้มีเลือดออกไม่ปกติ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้รอบเดือนมาสม่ำเสมอ
- ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน (Emergency contraception pill) : เป็นยาคุมที่ปริมาณฮอร์โมนสูง รับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสที่จะตั้งครรภ์ แต่ควรเลือกรับประทานเฉพาะเวลาจำเป็นเท่านั้น เช่น กรณีถูกข่มขืน ถุงยางแตก หลุด หรือห่วงคุมกำเนิดหลุด
ยาคุมกำเนิด มีส่วนผสมอะไรบ้าง
ยาคุมกำเนิดแบบรับประทาน โดยทั่วไปจะมีฮอร์โมนสังเคราะห์ที่เลียนแบบฮอร์โมนตามธรรมชาติในร่างกายของผู้หญิง ฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์โดยยับยั้งการตกไข่ ทำให้มูกปากมดลูกเหนียวข้นขึ้น และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง สารหลักที่มีในยาคุมกำเนิดประเภทนี้ได้แก่
-
เอสโตรเจน
เอทินิลเอสตราไดออล : เป็นเอสโตรเจนสังเคราะห์ที่ใช้กันมากที่สุดในยาคุมกำเนิดแบบผสม ช่วยควบคุมรอบเดือนและป้องกันการตกไข่
เมสทราโนล : เอสโตรเจนอีกรูปแบบหนึ่งที่บางครั้งมีการใช้ แม้ว่าจะไม่ค่อยใช้กันบ่อยนัก
-
โปรเจสติน
เลโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel) : โปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ที่มักใช้ในยาคุมกำเนิดหลายชนิด โดยจะป้องกันการตกไข่และทำให้มูกปากมดลูกเหนียวข้นขึ้น
นอร์อิทินโดรน (Norethindrone) : โปรเจสตินอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ในยาคุมกำเนิด ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตกไข่
ดรอสไพรโนน (Drospirenone) : โปรเจสตินประเภทใหม่ที่มักใช้ในยาเม็ดคุมกำเนิดแบบรวม เนื่องจากมีคุณสมบัติในการลดอาการท้องอืดและผลข้างเคียงอื่น ๆ
เดโซเจสเทรล นอร์เจสทิเมต และอื่น ๆ (Norgestimate) : โปรเจสตินสังเคราะห์อื่น ๆ ที่ใช้ในสูตรต่าง ๆ
ยาคุมกินแล้วอ้วน เป็นเพราะอะไร
การกินยาคุมแล้วน้ำหนักขึ้นเกิดจากปริมาณฮอร์โทนเอสโตรเจนที่มากเกินไป ทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำเพราะร่างกายได้เพิ่มการกักเก็บของเหลวมากขึ้น ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นชั่วคราว นอกจากนี้สารอย่างโปรเจสตินหากมีมากเกินไป จะทำให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นเช่นกันส่งผลให้น้ำหนักตัวขึ้นได้
ยาคุมกินแล้วไม่อ้วน มีหรือไม่
มียาคุมบางชนิดที่มีโอกาสทำให้น้ำหนักตัวขึ้นได้ โดยจะขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของยาคุมกำเนิด ส่วนผสม รวมถึงปริมาณที่รับประทานและการตอบสนองทางร่างกายของแต่ละบุคคล
-
ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบผสม
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมที่ประกอบด้วยเอสโตรเจนในปริมาณที่สูงกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำและอาการท้องอืดได้ อย่างไรก็ตามยาเม็ดคุมกำเนิดแบบผสมส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีเอสโตรเจนในปริมาณที่ต่ำกว่า จึงลดโอกาสที่จะมีน้ำหนักขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
-
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเฉพาะโปรเจสติน (ยาเม็ดขนาดเล็ก)
ยาคุมมีส่วนผสมเป็นโปรเจสตินและไม่มีเอสโตรเจน ยาคุมประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นน้อยกว่า เนื่องจากไม่มีผลในการกักเก็บน้ำในร่างกาย อย่างไรก็ตาม อาจทำให้มีน้ำหนักเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
-
ยาคุมกำเนิดขนาดต่ำ
ยาคุมกำเนิดบางชนิดมีเอสโตรเจนในปริมาณต่ำ (20-35 ไมโครกรัม) ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในการเพิ่มน้ำหนักได้ ยาคุมกำเนิดชนิดนี้มักแนะนำสำหรับผู้ที่กังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงนี้
สำหรับสาว ๆ ที่กลัวผลข้างเคียงเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจากการรับประทานยาคุมกำเนิด ขอแนะนำให้เลือกรับประทานยาคุมชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจน 0.02 มิลลิกรัม หรือเลือกใช้ยาคุมกำเนิดที่มีตัวยาดรอสไพรีโนน (Drospirenone) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวมน้ำ นอกจากปัจจัยดังที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นยังเกี่ยวข้องกับ การตอบสนองของแต่ละบุคคล บางคนอาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเมื่อรับประทานยาชนิดหนึ่ง แต่ไม่เพิ่มขึ้นเมื่อรับประทานยาอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนี้การกักเก็บน้ำในร่างกายเทียบกับการสะสมไขมันในร่างกาย หลาย ๆ คนมักสับสนระหว่างการกักเก็บน้ำในร่างกายชั่วคราวกับการเพิ่มน้ำหนัก ฮอร์โมนเอสโตรเจนสามารถทำให้ร่างกายของคุณกักเก็บน้ำในร่างกายมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัด แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเดียวกันกับการสะสมไขมันในร่างกาย และสุดท้ายปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์ การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และไลฟ์สไตล์โดยรวมมีบทบาทสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก ไม่ว่าจะใช้การคุมกำเนิดแบบใดก็ตาม ทั้งนี้หากน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากผิดปกติอาจต้องปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางเพื่อลองปรับขนาดยาลดลง หรือใช้ยาที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสติน หรือเลือกวิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ
ยาคุมกินแล้วไม่อ้วน ราคาไม่แพง ยี่ห้อไหนดี
ยาคุมกำเนิดสมัยใหม่ส่วนใหญ่มีปริมาณยาต่ำและโดยทั่วไปจะไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของร่างกายแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับสุขภาพ ความชอบ และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ต่อไปนี้เป็นแบรนด์ยอดนิยมบางส่วนที่ผู้หญิงหลายคนยอมรับว่าดี
- Yaz : ยาคุมยี่ห้อนี้ช่วยเรื่องปรับฮอร์โมนเอสโตรเจนให้อยู่ในระดับต่ำ มีฤทธิ์ลดการบวมน้ำ เหมาะกับคนที่กลัวอ้วน ทั้งยังช่วยให้ผิวใส ผิวหน้ามันน้อยลง
- Melodia : ยาคุมยี่ห้อนี้ช่วยลดการบวมน้ำ ไม่ทำให้อ้วน นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดท้องบ่อย ๆ ตึงหน้าอก และช่วยลดสิวได้ด้วย
- JUSTIMA : เป็นยาคุมที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตเจนที่ 0.03 มิลลิกรัม ซึ่งไม่ทำให้บวมน้ำ และยังช่วยลดสิวได้อีกด้วย
- Chariva : ยาคุมยี่ห้อนี้ตอบโจทย์ผู้หญิงที่กังวลเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ไม่ทำให้บวมน้ำ ไม่ทำให้อ้วน ทั้งยังช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน สิวลดน้อยลง
- PREME : ยี่ห้อนี้ช่วยปรับฮอร์โมนร่างกายให้สมดุล ไม่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ ไม่ทำให้เกิดสิวอักเสบ ช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น
การพิจารณาเลือกซื้อยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง
การเลือกยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานที่เหมาะสมถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ ซึ่งควรพิจารณาจากความต้องการด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ต่อไปนี้คือหลักการและคำแนะนำสำคัญบางประการที่จะถูกนำมาพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจมีดังนี้
-
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
ประวัติทางการแพทย์ : ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะพิจารณาประวัติทางการแพทย์ รวมถึงภาวะที่มีอยู่ก่อน เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไมเกรน หรือประวัติลิ่มเลือด
ประวัติครอบครัว : เช็กประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง หรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ความชอบส่วนบุคคล : เช็กความสามารถในการทนต่อฮอร์โมน ความต้องการในการควบคุมประจำเดือน และต้องการยาที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่าหรือไม่
-
ประเภทของยาคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบผสม (เอสโตรเจนและโปรเจสติน) : เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยป้องกันการตกไข่ นอกจากนี้ยังช่วยปรับรอบเดือนและลดอาการปวดประจำเดือนอีกด้วย
ยาเม็ดที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสติน (ยาเม็ดขนาดเล็ก) : เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ เช่น สตรีที่กำลังให้นมบุตร หรือผู้ที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพบางประการ
-
เข้าใจปริมาณฮอร์โมน
ยาคุมที่มีขนาดฮอร์โมนต่ำเมื่อเทียบกับยาขนาดปกติ : ยาขนาดต่ำจะมีเอสโตรเจนน้อยกว่า ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้และเต้านมเจ็บ แต่ก็อาจทำให้มีเลือดออกกะทันหันมากขึ้นได้เช่นกัน
ยาคุมกำเนิดแบบต่อเนื่องหรือแบบขยายรอบเดือน : ยาเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดจำนวนประจำเดือนที่คุณมี ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน
-
พิจารณาประโยชน์ที่มากกว่าการคุมกำเนิด
การควบคุมสิว : ยาคุมบางชนิดสามารถช่วยรักษาสิวได้
การควบคุมประจำเดือน : สามารถใช้ยาคุมเพื่อควบคุมประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ หรือลดเลือดออกมากในช่วงมีประจำเดือน
บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) : ยาคุมบางชนิดสามารถบรรเทาอาการของ PMS และ PMDD (โรคอารมณ์แปรปรวนก่อนมีประจำเดือน) ได้
-
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย : อาจรวมถึงอาการคลื่นไส้ น้ำหนักขึ้น อารมณ์เปลี่ยนแปลง และมีเลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างรอบเดือน
ความเสี่ยงร้ายแรง : แม้จะพบได้น้อย แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดลิ่มเลือด โดยเฉพาะในผู้สูบบุหรี่ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี และผู้ที่มีประวัติอาการผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
-
ไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิต
กิจวัตรประจำวัน : พิจารณากิจวัตรประจำวันของคุณว่าสามารถกินยาในเวลาเดียวกันทุกวันมากน้อยเพียงใด หากกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนด ยาคุมกำเนิดแบบออกฤทธิ์ยาวนาน (เช่น IUD) อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์ : หากคุณเดินทางบ่อยครั้งหรือมีตารางงานที่ไม่แน่นอน อาจส่งผลต่อชนิดของยาเม็ดที่คุณเลือก
-
ต้นทุนและการเข้าถึง
ความคุ้มครองจากประกันภัย : ตรวจสอบว่าประกันภัยของคุณครอบคลุมยาที่คุณกำลังพิจารณาซื้อหรือไม่ หรือสามารถจ่ายเองได้หรือไม่
ยาสามัญเทียบกับยาที่มีชื่อทางการค้า : เปรียบเทียบราคาระหว่างยาสามัญทั่วไปที่มีประสิทธิภาพเท่ากันและมีราคาไม่แพง
-
จริยธรรมและความเชื่อส่วนบุคคล
การวางแผนครอบครัวแบบธรรมชาติ : บางคนอาจต้องการหลีกเลี่ยงฮอร์โมนสังเคราะห์โดยสิ้นเชิง เนื่องจากความเชื่อส่วนตัวหรือทางศาสนา และอาจลองใช้วิธีการวางแผนครอบครัวแบบธรรมชาติแทน
สรุป
ได้ทราบกันไปแล้วเกี่ยวกับยาคุมกินแล้วไม่อ้วนเป็นยาคุมกำเนิดประเภทใด เหมาะกับใครและไม่เหมาะกับใครบ้าง พร้อมแนะนำข้อแตกต่างอันเป็นสาระสำคัญที่ควรรู้ การเลือกยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานที่ถูกต้องเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล หากพิจารณาหลักการดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้และทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณ คุณจะสามารถค้นหาตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณได้ ทั้งนี้เพื่อผลลัพธ์และความปลอดภัยแก่ตัวคุณเอง