ยาคุมฉุกเฉิน กินอย่างไรให้ปลอดภัย

ยาคุมฉุกเฉิน กินอย่างไรให้ปลอดภัย

ในสถานการณ์ที่ไม่แน่ใจว่ามีการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นหรือไม่ หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้กันก็คือการกินยาคุมฉุกเฉินเพื่อป้องกัน คำตอบอาจดูตรงไปตรงมาแต่สิ่งสำคัญ คือต้องเข้าใจว่า คุณไม่มีทางเลือกมากนักในสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่ได้ต้องการที่จะตั้งท้องจริง ๆ ในบทความนี้ Genitique clinic จะมาเจาะลึกว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินทำงานอย่างไร ควรกินเมื่อไหร่ นอกจากนี้มีผลข้างเคียงที่ต้องระวังหรือไม่อย่างไร ใครที่ไม่ควรกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มาหาคำตอบได้ในบทความนี้ค่ะ

สารบัญ

ยาคุมฉุกเฉิน คืออะไร ?

ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency contraceptive pill (ECP)) เป็นยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดสูงกว่ายาคุมปกติทั่วไป มีประสิทธิผลหากใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น และต้องกินหลังมีเพศสัมพันธ์ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ จากการไม่ได้ป้องกัน หรือการป้องกันล้มเหลว (ถุงยางหลุด ถุงยางแตก) แนะนำให้กินเม็ดแรกให้เร็วที่สุด หรืออย่างช้าภายใน 2-3 วัน หรือ 72 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และกินเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดแรกภายใน 12 ชั่วโมง

**ข้อควรรู้ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหากรับประทานล่วงหน้าจะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เลย

 

ยาคุมฉุกเฉิน มี 2 แบบ ได้แก่

ยาคุมฉุกเฉิน มี 2 แบบ ได้แก่

  • ยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนผสม (Combined Pill Regimen: Yuzpe Method)

เป็นยาคุมที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสตินผสมกัน ปริมาณตัวยาประกอบด้วยเอธิลเอสตราดิออล (ethinyl estradiol) อย่างน้อย 0.1 มิลลิกรัม และ ฮอร์โมนเลวอนอร์เจสเตรล (levonorgestrel) อย่างน้อย 0.5 มิลลิกรัม

วิธีกินยา

ต้องกิน 2 ครั้ง ครั้งแรกภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน และอีก 12 ชั่วโมงถัดไปให้กินอีกครั้ง (ยาจะมีประสิทธิภาพช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ได้ 75%)

  • ยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนเดี่ยว (Progestin -Only Pill Regimen)

เป็นยาคุมที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว ซึ่งในบ้านเรามีอยู่ 2 ยี่ห้อ ได้แก่ โพสตินอร์ (Postinor) และมาดอนนา (Madonna) ทั้ง 2 ยี่ห้อมีฮอร์โมนเลวอนอร์เจสเตรลในปริมาณ 0.75 มิลลิกรัม/เม็ด ต้องกินทั้งหมด 1.5 มิลลิกรัม

วิธีกินยา

กิน 2 เม็ดพร้อมกัน (องค์การอนามัยโลกแนะนำ)

กินทีละ 1 เม็ด โดยเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง และกินเม็ดที่ 2 ในเวลา 12 ชั่วโมงถัดไปหลังจากกินเม็ดแรก

ยาคุมฉุกเฉิน ทำงานอย่างไร ?

โดยปกแล้วตัวอสุจิสามารถมีชีวิตอยู่ในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงได้นานถึง 5 วัน ซึ่งหากมีการตกไข่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว สามารถเกิดการปฏิสนธิและตั้งครรภ์ได้ สำหรับยาคุมฉุกเฉินเมื่อรับประทานเข้าไป ตัวยาจะไปยับยั้งการตกไข่ หรือทำให้การตกไข่เลื่อนออกไป นอกจากนี้ตัวยายังออกฤทธิ์ทำให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ทําให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีสภาพไม่เหมาะในการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสมแล้ว จึงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิผล อย่างไรก็ตามไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% เพียงแต่ช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงจากเดิม นอกจากนี้หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายหลังตั้งครรภ์ไปแล้ว ฤทธิ์ของยาจะไม่มีผลให้เกิดการสิ้นสุดการตั้งครรภ์แต่อย่างใด รวมถึงไม่มีผลต่อการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน

วิธีใช้ยาคุมฉุกเฉิน กินตอนไหน ?

ยาคุมฉุกเฉินสามารถใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ หลังมีเพศสัมพันธ์ ได้แก่

  1. เมื่อไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด
  2. ถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ข่มขืน)
  3. เมื่อมีความกังวลว่าการคุมกำเนิดเสี่ยงที่จะล้มเหลว จากการใช้ไม่ถูกวิธีหรือไม่ถูกต้อง เช่น
  • การแตก หลุด หรือการใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง
  • ขาดการกินยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวมติดต่อกัน 3 เม็ดขึ้นไป หรือเลยกำหนดรับประทานยาไป 3 วันในสัปดาห์แรกของรอบเดือน
  • ล่าช้ากว่าเวลาปกติ ของการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว มากกว่า 3 ชั่วโมง หรือมากกว่า 27 ชั่วโมง ภายหลังรับประทานยาคุมก่อนหน้านี้
  • ล่าช้ากว่าเวลาปกติ ของการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยเดโซเจสเทรล (0.75 มก.) มากกว่า 12 ชั่วโมง หรือมากกว่า 36 ชั่วโมง ภายหลังรับประทานยาคุมก่อนหน้านี้
  • ล่าช้าเกินกว่า 2 สัปดาห์ สำหรับการฉีดยาคุมกำเนิดประเภทโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียวด้วย นอร์อิทิสเทอโรนเอแนนเทต Norethisterone enanthate (NET-EN®)
  • ล่าช้าเกินกว่า 4 สัปดาห์ สำหรับการฉีดยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียวด้วย depot-medroxyprogesterone acetate (DMPA)
  • ล่าช้ามากกว่า 7 วัน สำหรับการฉีดยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม Combined injectable contraceptives (CICs)
  • การเคลื่อนออก การแตก การฉีกขาด หรือการถอดไดอะแฟรม หรือฝาครอบปากมดลูกออกก่อนกำหนด
  • การถอนตัวที่ล้มเหลวขณะมีเพศสัมพันธ์ กล่าวคือ หลั่งในช่องคลอด
  • การถอดห่วงคุมกำเนิด (Intrauterine Device : IUD) หรือยาฝังคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน (Contraceptive Implant)
  • คำนวณวันเว้นมีเพศสัมพันธ์พลาด

กินยาคุมฉุกเฉินกิน 1 เม็ด จะท้องไหม ?

ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ต้องกินภายในกี่ชั่วโมง อย่างที่ทราบกันดีว่าการกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินให้ได้ประสิทธิผล ควรกินหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือการป้องกันล้มเหลวให้เร็วที่สุด กล่าวคือ กินเม็ดแรกให้เร็วที่สุด หรืออย่างช้าภายใน 2-3 วัน หรือ 72 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และกินเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดแรกภายใน 12 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะปฏิบัติตามข้อกำหนดแล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้นต่อข้อถามที่ว่า กินยาคุมฉุกเฉินกิน 1 เม็ด จะท้องไหม ? จึงมีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะท้องได้นั่นเอง

ราคาเท่าไหร่ ?

ยาคุมฉุกเฉินมีราคาไม่แพง ขึ้นอยู่กับชนิดและยี่ห้อซึ่งส่วนใหญ่มีตัวยาเดียวกัน แต่จะมีจำนวนเม็ดและชื่อทางการค้าที่ต่างกัน ดังนี้

  • Ladynore ราคา 40 บาท
  • Norpak ราคา 40 บาท
  • Marry Pink ราคา 40 บาท
  • Madonna ราคา 40 บาท
  • Postinor ราคา 60 บาท

ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินควรใช้เมื่อฉุกเฉินเท่านั้นหากกินเป็นประจำอาจมีผลข้างเคียงทั้งระยะสั้นและระยะยาว สำหรับผลข้างเคียงระยะสั้น ได้แก่ ประจำเดือนมาไม่ปกติ คลื่นไส้ อาเจียน และรู้สึกพะอืดพะอม ปวดศีรษะ ปวดท้อง มีอาการปวดท้องคล้ายกับตอนมีประจำเดือนได้ ส่วนผลข้างเคียงระยะยาวคือผลกระทบที่มีต่อรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก ความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก และถ้าหากเผลอกินโดยไม่รู้ว่าท้องทารกอาจพิการได้ นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อผู้ป่วยโรคตับ หัวใจ และโรคเบาหวานอีกด้วย

 

ใครห้ามใช้ ยาคุมฉุกเฉิน

ใครห้ามใช้ ยาคุมฉุกเฉิน

โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่สามารถใช้การคุมกำเนิดฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย แต่ผู้ที่มีภาวะสุขภาพเฉพาะหรือต้องรับประทานยาบางชนิด ควรปรึกษาผู้ให้บริการด้านการแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคล ได้แก่

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับตับ
  • ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
  • ผู้ป่วยมะเร็งรังไข่
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ผู้ป่วยโรคลมชัก
  • ผู้ป่วยไมเกรนชนิด Migraine with Aura
  • ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบโลหิต โรคลิ่มเลือดอุดตัน โรคความดันโลหิต (ไม่ควรรับประทาน)

ยาคุมฉุกเฉินเทียบกับยาทำแท้งหรือไม่ ?

ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้งแต่อย่างใด เนื่องจากหากรับประทานหลังจากที่ตัวอ่อนฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูกแล้ว หรือพูดง่าย ๆ คือ “ทานหลังตั้งครรภ์ไปแล้ว” ยาจะไม่สามารถยับยั้งการตั้งครรภ์ได้

ยาคุมฉุกเฉิน ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ ?

ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่น วัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก

ซื้อยาคุมฉุกเฉินต้องมีใบสั่งของแพทย์หรือไม่

ในประเทศไทย การซื้อยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยเภสัชกรสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาได้ เป็นยาที่ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่สามารถซื้อยาคุมฉุกเฉิน 7-11 ได้ ไม่แนะนำให้ใช้เป็นวิธีการคุมกำเนิดในระยะยาว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉินคืออะไร?

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นวิธีการคุมกำเนิดชั่วคราว ใช้ในกรณีฉุกเฉินหลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน เช่น ถุงยางแตกหรือรั่ว ไม่แนะนำให้ใช้เป็นวิธีหลักในการคุมกำเนิด

วิธีการใช้ยาคุมฉุกเฉินคืออะไร?

ยาคุมฉุกเฉินมี 2 รูปแบบ คือแบบเม็ดเดียว หรือ 1เม็ด และแบบสองเม็ด ต้องกินภายในภายใน 72 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งใช้งานเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินมีอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออกกะปริบกะปรอย ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือปวดหัว

ควรใช้งานยาคุมฉุกเฉินบ่อยแค่ไหน?

ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยครั้ง เพราะอาจส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกายและทำให้ประจำเดือนผิดปกติ ควรเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมในระยะยาว

สามารถหาซื้อยาคุมฉุกเฉินได้ที่ไหน?

ยาคุมฉุกเฉินสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปแต่ไม่สามารถซื้อยาคุมฉุกเฉิน 7-11 ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้งานเพื่อความปลอดภัย

สรุป

ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีคุมกำเนิดที่สามารถช่วยลดโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้ก็จริง หากใช้ตามข้อกำหนดที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น แต่ไม่ได้ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% และไม่ได้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด นอกจากนี้จะต้องใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้เป็นประจำ ที่สำคัญบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพควรระมัดระวัง หลังกินยาคุมฉุกเฉิน จะรู้ได้ไงว่าไม่ท้อง หรือหากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอีกครั้ง

บทความน่าสนใจ

Picture of แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

Global Speaker and Trainer in Aesthetic Gynecology แพทย์ผู้สอนงานประชุมวิชาการ ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก และ American Board of Cosmetic Gynecology, U.S.A. (คนแรกของไทย)

บทความใหม่

ค้นหาข้อมูล

บริการของเรา