วัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ฉีดกี่ครั้ง ฉีดตอนไหนบ้าง
วัคซีนป้องกันไวรัส Human Papillomavirus หรือ วัคซีน HPV เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับไวรัส HPV เนื่องจากเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด ทั้งมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งองคชาต มะเร็งลำคอ หูดบริเวณอวัยวะเพศ และโรคร้ายแรงอื่น ๆ ในบทความนี้ Genitiqueclinic.com จะมาแนะนำว่าวัคซีน HPV ทำงานอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร ใครควรได้รับวัคซีนบ้าง และเหตุใดวัคซีนจึงมีบทบาทสำคัญในด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว การเข้าใจถึงความสำคัญของวัคซีนนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับ HPV และส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระยะยาวได้ด้วย
วัคซีน HPV คืออะไร
วัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม HPV ซึ่งไวรัสชนิดนี้บางสายพันธุ์เป็นตัวการก่อโรคในผู้หญิงและผู้ชาย อาทิ มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งปากช่องคลอด, มะเร็งทวารหนัก, หูดหงอนไก่, มะเร็งช่องปากและลำคอ และมะเร็งที่องคชาต ปัจจุบันวัคซีน HPV มีอยู่ 3 ชนิดคือ ชนิด 2 สายพันธุ์ (ป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18), ชนิด 4 สายพันธุ์ (ป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18) และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นมาประเทศไทยได้มีวัคซีน HPV ตัวใหม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ในผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 9 ถึง 45 ปี ได้ครอบคลุมถึง 9 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 6,11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58)
ทำความรู้จักกับเชื้อไวรัส HPV
ไวรัส HPV (Human Papillomavirus) เป็นกลุ่มไวรัสที่เกี่ยวข้องมากกว่า 200 ชนิด โดยส่วนใหญ่จะติดต่อกันผ่านการสัมผัสผิวหนัง รวมถึงกิจกรรมทางเพศ เชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด โดยเชื้อสามารถติดต่อกันได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แม้ว่าโดยปกติแล้วระบบภูมิคุ้มกันร่างกายสามารถกำจัดไวรัสได้เองโดยธรรมชาติ และมักจะไม่แสดงอาการใด ๆ อย่างไรก็ตามไวรัส HPV บางสายพันธุ์สามารถอาศัยอยู่ในร่างกายและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ หนึ่งในนั้นก็คือไวรัส HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ช่องคลอด ปากช่องคลอด ทวารหนัก และคอหอย ส่วนสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ไวรัส HPV สายพันธุ์ 6 และ 11 อาจทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศและภาวะที่ไม่ใช่เนื้อร้ายอื่น ๆ ได้
โดยเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก และเนื่องจากผู้ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการใด ๆ คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้ตัว จึงเป็นเหตุผลที่ไวรัส HPV แพร่ระบาดได้มาก ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เกือบทั้งหมดจะติดไวรัส HPV อย่างน้อยหนึ่งชนิดในชีวิต โชคดีที่กรณีส่วนใหญ่ไม่นำไปสู่อาการป่วยร้ายแรง อย่างไรก็ตาม หากการติดเชื้อไวรัส HPV ที่มีความเสี่ยงสูงยังคงอยู่ อาจทำให้เกิดเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปอาจพัฒนาเป็นมะเร็งได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ความเชื่อมโยงระหว่างไวรัส HPV และมะเร็งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของมาตรการป้องกัน เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำ รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
ข้อควรรู้ : สำหรับประเทศไทยข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยสถิติผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกได้คร่าชีวิตหญิงไทยเฉลี่ยวันละ 8-10 คน และมีการพบผู้ป่วยรายใหม่ถึงประมาณ 8,000 คนต่อปี ส่วนใหญ่พบผู้ติดเชื้อระหว่างวัย 35 ปี ไปจนถึงอายุ 50 ปี
ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนป้องกัน HPV
ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในวัยเจริญพันธุ์ ขอแนะนำให้ฉีดวัคซีน HPV โดยเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการปกป้องสูงสุด ควรเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาทิ ผู้ป่วยเอชไอวี ผู้ที่พบความผิดปกติและเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก ผู้ที่เคยเป็นหูดหงอนไก่ เป็นต้น
– หมายเหตุ : หญิงตั้งครรภ์ไม่แนะนำให้ฉีด ในกรณีอยู่ระหว่างกำลังให้นมบุตรสามารถฉีดวัคซีน HPV ได้
วัคซีน HPV ฉีดกี่เข็ม อยู่ได้นานไหม
สำหรับการฉีดวัคซีน HPV จะถูกฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน ฉีดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายโดยจำนวนเข็มขึ้นอยู่กับอายุของผู้ฉีดเป็นหลัก ซึ่งหากฉีดครบตามกำหนด จะมีประสิทธิภาพการป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้สูงถึง 90% และจะอยู่ได้นานกว่า 10 ปี โดยไม่ต้องทำการฉีดกระตุ้นแต่อย่างใด ซึ่งรายละเอียดของจำนวนเข็มในแต่ละช่วงวัยมีดังต่อไปนี้
-
เด็กและวัยรุ่น (อายุ 9-14 ปี)
การฉีดวัคซีน HPV สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี ซึ่งจะช่วยให้ได้รับการป้องกันก่อนเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ หรือก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม เข็มที่ 2 เว้นระยะห่างจากเข็มแรก 5-13 เดือน
-
วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น (อายุ 15 ปีขึ้นไป)
แม้ว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อฉีดในช่วงอายุน้อย แต่ผู้ใหญ่ตอนต้นอายุไม่เกิน 26 ปีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนในช่วงก่อนหน้านี้ก็ยังสามารถรับวัคซีนได้ ฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยเข็มที่สอง และเข็มที่สามฉีดห่างกัน 2 และ 6 เดือน
-
วัยผู้ใหญ่ (อายุ 27-45 ปี)
ผู้ใหญ่บางคนที่มีอายุระหว่าง 27 ถึง 45 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV อาจเลือกที่จะรับวัคซีนหรือไม่รับวัคซีนก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากประโยชน์ของการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุนี้ยังไม่ชัดเจนนัก เพราะหลายคนอาจเคยสัมผัสกับไวรัสนี้มาก่อนแล้ว แต่หากแพทย์อนุญาตให้ฉีดเงื่อนไขการฉีดก็จะเหมือนกันกับกลุ่มคนอายุ 15 ปีขึ้นไป คือ ฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยเข็มที่สอง และเข็มที่สามฉีดห่างกัน 2 และ 6 เดือนตามลำดับ
ใครบ้างที่เสี่ยงรติดเชื้อไวรัส HPV
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย หรือผ่านการตั้งครรภ์ตอนอายุน้อย
- ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน (ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย)
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่สวมถุงยางอนามัย หรือสวมผิดวิธี
- ผู้ที่ผ่านการตั้งครรภ์และมีบุตรหลายคน
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่ติดเชื้อ HIV เป็นต้น
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
วัคซีนป้องกัน HPV 9 สายพันธุ์ราคาเท่าไหร่
สำหรับการฉีดวัคซีน HPV ผู้ที่สนใจสามารถเข้ารับบริการได้ตามสถานพยาบาลทั่วประเทศที่มีให้บริการฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ ซึ่งมีราคาที่แตกต่างกันไปทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มที่ใช้และชนิดของวัคซีน ทั้งนี้แนะนำให้สอบถามข้อมูลอย่างละเอียดจากสถานพยาบาลก่อนการตัดสินใจค่ะ
สรุป
กล่าวโดยสรุปวัคซีนป้องกัน HPV มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งชนิดอื่น ๆ ได้แก่ มะเร็งช่องคลอด ทวารหนัก องคชาต และลำคอ อันมีเชื้อไวรัส Human papillomavirus (HPV) เป็นพาหะนำโรค ซึ่งการฉีดวัคซีนได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ยาวนานกว่า 10 ปี ทั้งยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ในการปกป้องตัวคุณเองและคนที่คุณรักอีกด้วย