อั้นฉี่ไม่ได้

อั้นฉี่ไม่ได้ ทั้งที่อายุยังน้อยเป็นเพราะอะไร รักษาได้หรือไม่

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ อั้นฉี่ไม่ได้ คือภาวะที่ปัสสาวะเล็ดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างกายไม่สามารถควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนไข้ได้อย่างมาก นำไปสู่ความเครียด ความโดดเดี่ยวทางสังคม หรือแม้แต่ภาวะซึมเศร้า ทำให้ภาวะนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระทางอารมณ์และจิตใจที่หนักหน่วงอีกด้วย ในเนื่้อหานี้จะมาไขความกระจ่างว่าภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นตอนอายุยังน้อยได้หรือไม่ ถือเป็นอาการป่วยหรือเปล่า และสามารถรักษาได้อย่างไร

อั้นฉี่ไม่ได้ เกิดจากสาเหตุใด

อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ อาจเกิดได้จากหลายเหตุปัจจัย ตั้งแต่ไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิต, การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย รวมถึงอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ซึ่งสามารถจำแนกกลุ่มสาเหตุของอาการดังกล่าวได้ดังนี้

  • วิถีชีวิตประจำวัน

การใช้ยา

ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือ ยาคลายกล้ามเนื้อ อาจส่งผลต่อการควบคุมกระเพาะปัสสาวะและทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้

ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์

โรคอ้วน การสูบบุหรี่ และการบริโภคคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์มากเกินไป รวมถึงน้ำอัดลม ช็อกโกแลต ผลไม้รสเปรี้ยว พริกไทย อาหารที่มีเครื่องเทศ น้ำตาล หรืออาหารมีกรดปริมาณมาก ล้วนส่งผลให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ทั้งสิ้น

  • การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง

กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำหน้าที่พยุงกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้อ่อนแรงลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น การคลอดบุตร หรือเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน อาจทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ ซึ่งกิจกรรมทางกาย เช่น การไอ จาม หรือการยกของหนัก การออกแรงเบ่ง อาจทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมา

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโดยเฉพาะในผู้หญิง การลดลงของระดับเอสโตรเจนในช่วงวัยหมดประจำเดือน หรือการตั้งครรภ์ อาจทำให้เนื้อเยื่อท่อปัสสาวะอ่อนแอลง รวมถึงสตรีที่เคยผ่านการผ่าตัดมดลูก ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเกิดความเสียหาย จนส่งผลกระทบต่อกระเพาะปัสสาวะไปด้วย

  • อาการเจ็บป่วย

ภาวะกระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป

เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหดตัวบ่อยเกินไป หรือโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ โดยมีอาการอยากปัสสาวะอย่างรุนแรง ตามด้วยภาวะปัสสาวะเล็ดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ปัญหาต่อมลูกหมาก

ในผู้ชายภาวะต่าง ๆ เช่น ต่อมลูกหมากโต หรือการผ่าตัดต่อมลูกหมาก อาจทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เนื่องจากการทำงานของกระเพาะปัสสาวะถูกรบกวน

ความผิดปกติทางระบบประสาท

โรคต่าง ๆ เช่น โรคเส้นเลือดแข็ง โรคพาร์กินสัน หรือโรคหลอดเลือดสมอง อาจรบกวนสัญญาณประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

อั้นฉี่ไม่ได้ มักเกิดกับวัยใด

ภาวะอั้นฉี่ไม่ได้ ถึงแม้ว่าภาวะนี้มักเกิดกับผู้สูงอายุ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถเกิดขึ้นกับผู้ที่อายุน้อยได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสุขภาพและวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน

เด็กและวัยรุ่น : ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในเด็กมักมีสาเหตุมาจากพัฒนาการหรือภาวะต่าง ๆ เช่น การปัสสาวะรดที่นอน (ภาวะปัสสาวะรดที่นอนในเวลากลางคืน) วัยรุ่นบางคนอาจประสบปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เนื่องจากภาวะทางการแพทย์หรือความเครียด

ผู้ใหญ่ (อายุ 20-40 ปี) : บุคคลวัยเจริญพันธุ์อาจประสบปัญหาอั้นฉี่ไม่ได้ โดยเฉพาะในระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอดบุตร เนื่องจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานต้องทำงานหนัก ผู้ชายมักประสบปัญหาน้อยกว่าในวัยนี้ แต่ยังคงเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะสาเหตุที่เนื่องมาจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ

ผู้ใหญ่วัยกลางคน (อายุ 40 ถึง 60 ปี) : เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน ปัจจัยต่าง ๆ เช่น การหมดประจำเดือนในผู้หญิง ปัญหาต่อมลูกหมากในผู้ชาย และกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่อ่อนแรงตามธรรมชาติ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) : อุบัติการณ์ของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในผู้สูงอายุ เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินปัสสาวะที่เกี่ยวข้องกับอายุ ภาวะสุขภาพเรื้อรัง และการใช้ยาบางชนิด

อั้นฉี่ไม่ได้ มีอาการอย่างไร

ภาวะอั้นฉี่ไม่ได้โดยมากมักมีอาการเบื้องต้นที่สังเกตได้คือ ปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม ออกกำลังกาย หรือออกแรงเบ่ง ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่สามารถควบคุมการเล็ดของปัสสาวะได้ นอกจากนี้ยังพบในผู้ที่มีอาการบ่งชี้ ได้แก่

  • ปัสสาวะบ่อยเกิน 8 ครั้งต่อวัน
  • ตื่นตอนกลางคืนเพื่อมาปัสสาวะมากกว่า 1 ครั้ง
  • ปัสสาวะรดที่นอน

 

ฉี่แล้วเจ็บ

ฉี่แล้วเจ็บเป็นเพราะอะไร

หากคุณประสบภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือรู้สึกเจ็บเมื่อปัสสาวะ อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินปัสสาวะ หรือสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาที่ถูกต้อง

  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI)

อาการปวดขณะปัสสาวะและปวดปัสสาวะฉับพลัน (ความต้องการปัสสาวะอย่างกะทันหันและรุนแรง) เกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เมื่อแบคทีเรียเข้าไปในทางเดินปัสสาวะ ทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคือง ซึ่งอาจทำให้กลั้นปัสสาวะได้ยากและรู้สึกแสบขณะปัสสาวะ

  • การติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ (Cystitis)

การติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ เป็นประเภทของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงอาการปวดขณะปัสสาวะ ปวดปัสสาวะบ่อย และรู้สึกไม่สบายบริเวณช่องท้องส่วนล่าง

  • โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (IC)

รู้จักกันในชื่อ Pain Bladder Syndrome คือภาวะเรื้อรังที่ทำให้เกิดอาการกดทับกระเพาะปัสสาวะ มีอาการเจ็บปวด และบางครั้งอาจปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน อาการปวดอาจแย่ลงเมื่อปัสสาวะเต็มกระเพาะ ซึ่งทำให้กลั้นปัสสาวะได้ยาก

  • นิ่วในไต

หากนิ่วในไตเคลื่อนตัวเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ หรือทางเดินปัสสาวะ อาจทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย และไม่สบายตัวขณะปัสสาวะ

  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI)

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เช่น หนองใน หรือหนองในเทียม อาจทำให้ปัสสาวะลำบากและปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น

  • การติดเชื้อช่องคลอด

การติดเชื้อ เช่น แบคทีเรียวาจิโนซิส หรือการติดเชื้อรา อาจทำให้ทางเดินปัสสาวะเกิดการระคายเคือง ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวดและกลั้นปัสสาวะได้ยาก

 

อั้นฉี่ไม่ได้

อั้นฉี่ไม่ได้ รักษาอย่างไร

การรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ สาเหตุของปัญหา และปัจจัยด้านสุขภาพ ต่อไปนี้คือวิธีรักษาและบรรเทาอาการอั้นฉี่ไม่ได้ซึ่งจำแนกออกเป็นดังนี้

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

-ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร จำกัดการดื่มน้ำในช่วงตอนเย็นเพื่อป้องกันการปวดปัสสาวะตอนกลางดึก หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ กินอาหารรสเผ็ด รวมถึงผลไม้รสเปรี้ยว

-ควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเกินไป เพราะจะไปเพิ่มแรงกดต่อกระเพาะปัสสาวะ

-เลิกสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นต้นเหตุของอาการไอเรื้อรัง ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้รับความเครียดและทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

-ออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอย่างสม่ำเสมอ เช่น การขมิบ (Kegel Exercises)

  • การใช้ยารักษา

-ยาต้านโคลีเนอร์จิก ยาเช่นออกซิบิวตินิน และทอลเทอโรดีน สามารถลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะได้ และมักใช้สำหรับภาวะกระเพาะปัสสาวะทำงานเกินปกติ (OAB) และภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

-สารกระตุ้นอะดรีเนอร์จิกเบตา-3 ยาเช่นมิราบีกรอน จะช่วยคลายกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ทำให้สามารถกักเก็บปัสสาวะได้มากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

-เอสโตรเจนเฉพาะที่ สำหรับสตรีวัยหมดประจำเดือน ให้ใช้เอสโตรเจนเฉพาะที่ขนาดต่ำในรูปแบบครีม หรือแผ่นแปะ เพื่อช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อท่อปัสสาวะ และช่วยลดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

-ดูล็อกเซทีน ช่วยให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะบีบตัวน้อยลง ผ่อนคลายขึ้น ทำให้กลั้นปัสสาวะได้นานขึ้น

  • การผ่าตัด

-การผ่าตัดใส่สลิงใต้ท่อปัสสาวะ เพื่อปิดกั้นการรั่วไหลหรือปัสสาวะเล็ดระหว่างไอ จาม หรือออกแรงเบ่ง

-ผ่าตัดแก้อุ้งเชิงกรานหย่อน มักใช้กับสตรีที่มีภาวะอุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรงทำให้มีภาวะปัสสาวะเล็ด

-ผ่าตัดใส่หูรูดท่อปัสสาวะเทียมสำหรับผู้ชาย เพื่อให้ปิดอยู่ตลอดเวลา แต่คนไข้สามารถกดปุ่มเมื่อต้องการปัสสาวะได้

-ผ่าตัดทำรูสวนผ่านหน้าท้อง เพื่อระบายปัสสาวะออกมาทางท่อ

  • การรักษาทางนรีเวชวิทยา

โปรแกรมการฉีดโบท็อก หรือโบทูลินัมท็อกซินเข้าไปที่กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ซึ่งมีประสิทธิผลอย่างยิ่งสำหรับปัญหากระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป

การกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูง “HIFEM” ที่อุ้งเชิงกราน ช่วยให้อุ้งเชิงกรานแข็งแรง สามารถกลั้นปัสสาวะได้ดีขึ้น บรรเทาอาการไอจามปัสสาวะเล็ด อ่านบทความ >> เก้าอี้ Emsella แก้ปัสสาวะเล็ด ที่นี่

โปรแกรมการฉีด PRP เข้าช่องคลอด การฉีดพลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด (PRP) สามารถช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อรอบ ๆ กระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้

อั้นฉี่ไม่ได้แบบไหนควรรีบพบแพทย์

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่บางประเภทและบางสถานการณ์ จำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากมีอาการบ่งชี้ถึงภาวะที่ร้ายแรง ต่อไปนี้คือกรณีที่ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรีบรักษาในทันที

  • ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เฉียบพลัน ซึ่งไม่เคยมีประวัติมาก่อน รวมทั้งมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวด มีไข้ หรือมีเลือดในปัสสาวะ
  • ปัสสาวะยากลำบาก ปัสสาวะออกน้อย หรือรู้สึกว่าปัสสาวะไม่หมด โดยมักปัสสาวะหยดบ่อย ๆ
  • มีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่น ชาที่ขาหรือก้น เดินลำบาก อ่อนแรงกะทันหัน อาจเป็นสัญญาณของ โรคเส้นโลหิตแข็ง โรคหลอดเลือดสมอง หรือการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
  • ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่และมีเลือดในปัสสาวะ อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ หรืออาการร้ายแรงอื่น ๆ ที่ต้องได้รับการรักษาทันที
  • ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่และมีอาการปวดเชิงกรานรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของก้อนเนื้อในอุ้งเชิงกราน การติดเชื้อ หรือภาวะร้ายแรงอื่น ๆ เช่น มะเร็ง
  • ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ร่วมกับอาการอื่น ๆ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย และความอยากอาหารลดลง
  • ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ความเป็นอยู่ทางอารมณ์ หรือชีวิตทางสังคม

สรุป

ภาวะอั้นฉี่ไม่ได้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสุขภาพ และวิถีชีวิตของแต่ละบุคคล ทั้งนี้สามารถรักษาได้หลายวิธีตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต การใช้ยา และอื่น ๆ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเผชิญกับภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่รบกวนการดำเนินชีวิต อย่ามัวแต่เขินอายรีบมาปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุของปัญหาที่ GENITIQUE CLINIC และเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมจะเป็นการดีที่สุด การรักษาเสียแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเร็วขึ้น และช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ด้วย

บทความน่าสนใจ

Picture of แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

Global Speaker and Trainer in Aesthetic Gynecology แพทย์ผู้สอนงานประชุมวิชาการ ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก และ American Board of Cosmetic Gynecology, U.S.A. (คนแรกของไทย)

บทความใหม่

ค้นหาข้อมูล

บริการของเรา