เป็นตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง คล้ายสิว อันตรายไหม วิธีป้องกันและรักษา
ในด้านสุขภาพทางเพศของผู้หญิง การทำความเข้าใจและตระหนักถึงความผิดปกติของน้องสาวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง อาการเป็นตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง คล้ายสิว ในการตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ และการรักษาที่เหมาะสม ล้วนช่วยแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที ข้อกังวลประการหนึ่งที่ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าที่จะไปพบแพทย์ก็คือ การมีก้อน หรือเป็นตุ่มที่อวัยวะเพศ คล้ายสิว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อ โรคผิวหนัง หรืออาการแพ้สัมผัส แม้ว่าตุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรง แต่บางครั้งอาจบ่งบอกถึงปัญหาร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ เช่น การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หรือแม้แต่มะเร็ง ดังนั้น จึงจำเป็นที่ผู้หญิงจะต้องใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติใด ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณจุดซ่อนเร้นของตนเอง บทความนี้จะมาไขคำตอบเกี่ยวกับการมีตุ่มคล้ายสิว บริเวณอวัยวะเพศหญิง เกิดจากอะไร อันตรายแค่ไหน เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง พฤติกรรมแบบไหนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการดังกล่าว และวิธีรักษามีอะไรบ้าง มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้ค่ะ
เป็นตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง คล้ายสิว เกิดจากอะไร
ในทางการแพทย์มีตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง คล้ายสิว ที่ขึ้นบริเวณ เลเบีย หรือหัวหน่าว เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ปัจจัยบางอย่างควรต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสม ขณะที่ปัจจัยบางประการสามารถหายได้เอง คนไข้แค่เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างเท่านั้น สำหรับอาการตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศหญิง พอสรุปต้นเหตุของปัญหาและความเสี่ยงเกิดโรคต่าง ๆ ได้ดังนี้
- รูขุมขนอักเสบ เนื่องจากการกำจัดขนอวัยวะเพศ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการถอน โกน หรือแว็กซ์ รวมทั้งการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา และการอักเสบที่เกิดจากต่อมไขมัน
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ทำให้เกิดเป็นตุ่มสิวบริเวณอวัยวะเพศ คล้ายสิว
- อาการระคายเคืองผิว การแพ้สารเคมีในสบู่ ผงซักฟอก สารหล่อลื่น หรือถุงยางอนามัย รวมถึงการเสียดสีระหว่างกิจกรรมทางเพศ การสวมเสื้อผ้าคับ หรือการเกาอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการพุพอง เป็นผื่นแดง หรือตุ่มน้ำใส บริเวณอวัยวะเพศได้
- ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ หรือภูมิคุ้มกันทำร้ายตนเอง กล่าวคือ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีเนื้อเยื่อที่มีสุขภาพดี รวมถึงบริเวณอวัยวะเพศด้วย
- โรคฝีต่อมบาร์โธลิน หรือ ต่อมบาร์โธลินอักเสบ (Bartholin’s Cyst) ทำให้เกิดการบวมขึ้น จนกลายเป็นถุงน้ำโผล่ออกมาที่ปากช่องคลอด
- สิว ที่เกิดจากแบคทีเรียก่อตัวขึ้นจากความอับชื้น ทำให้เป็นสิวได้
- ซีสต์ไขมัน มีลักษณะเป็นก้อนนิ่ม หากบีบจะมีไขมันไหลออกมา และมีกลิ่นเหม็น
- หิด ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ มีลักษณะเป็นตุ่มหนองและตุ่มใส มีอาการคันบริเวณช่องคลอดมาก
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น
- ไวรัสเริม : เริมที่อวัยวะเพศหญิง เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex virus (HSV) อาจทำให้เกิดแผลพุพอง และเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ
- หูดที่อวัยวะเพศ : เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย มีลักษณะเป็นตุ่มหรือแผ่นนูนยื่นออกมาจากน้องสาว มีสีเหมือนสีผิว อาจมีอาการปวดหรือคันร่วมด้วย
- โรคซิฟิลิส (Syphilis) : ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากการติดเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะของแผลจะเป็นริมแข็ง ๆ ในระยะแรก และจะมีลักษณะเป็นผื่นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า รวมถึงแผลนูนบริเวณน้องสาวร่วมด้วย ในระยะที่สอง หากคนไข้ไม่ได้รับการรักษาจะพัฒนาเข้าสู่ระยะที่สาม ซึ่งอาจเกิดการติดเชื้อที่ระบบประสาท หัวใจ ตา สมอง เส้นเลือด ตับ หรือกระดูก จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และไม่ให้แพร่เชื้อสู่คู่นอนด้วย
ความแตกต่างระหว่างสิว และตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง
เป็นตุ่มที่อวัยวะเพศหญิงคล้ายสิว ที่อวัยวะเพศเป็นภาวะที่มีสาเหตุ ลักษณะ และการรักษาที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดความแตกต่างที่สำคัญระหว่างกันสิว และตุ่มที่ขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ
-
สิว
สาเหตุ : สิวมีสาเหตุหลักมาจากการผลิตน้ำมัน (ซีบัม) มากเกินไป โดยต่อมไขมันในผิวหนัง ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน การอุดตันนี้ควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดการอักเสบ รอยแดง และการเกิดสิว
ตำแหน่งที่ขึ้น : สิวมักเกิดขึ้นที่ใบหน้า หน้าอก หลัง และไหล่ แต่ก็อาจเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศได้ในบางกรณี
ลักษณะ : รอยโรคจากสิวมักประกอบด้วยสิวหัวดำ (ตุ่มสีแดงเล็ก ๆ) สิวหัวขาว (ตุ่มหนอง) สิวอักเสบไม่มีหัว (ขนาดใหญ่แข็งและเจ็บ)
การรักษา : การรักษาสิวอาจรวมถึงการใช้ครีมหรือเจลทาเฉพาะที่ เช่น เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ หรือ กรดซาลิไซลิก รวมถึงใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ เช่น ยาปฏิชีวนะทั้งชนิดยาทาและยากิน เรตินอยด์ หรือไอโซเตรติโนอิน (แอคคิวเทน) ในบางกรณีอาจแนะนำให้ทำหัตถการความงามทางผิวหนัง เช่นการรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นต้น
-
ตุ่มที่อวัยวะเพศ
สาเหตุ : ผื่นที่อวัยวะเพศอาจมีสาเหตุหลายประการ รวมถึงอาการแพ้ การติดเชื้อ (เช่น การติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัส) ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส (จากสารระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้) การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STI) หรือสภาพผิว เช่น กลากหรือโรคสะเก็ดเงิน
ตำแหน่งที่ขึ้น : ตุ่มที่อวัยวะเพศส่งผลกระทบเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศเท่านั้น อาทิ ช่องคลอด องคชาต ถุงอัณฑะ และผิวหนังโดยรอบ
ลักษณะ : ผื่นที่อวัยวะเพศอาจเกิดเป็นผื่นแดง คัน อักเสบ ตุ่มพอง ตุ่มน้ำใส เป็นแผล หรือทุกอย่างรวมกันขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง
การรักษา : มีตุ่มขึ้นที่อวัยเพศหญิง คล้ายสิว วิธีรักษาตุ่มที่อวัยวะเพศขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง อาจเกี่ยวข้องกับการใช้ยาเฉพาะที่ เช่น ครีมต้านเชื้อรา คอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือยาปฏิชีวนะสำหรับการติดเชื้อ สำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจมีการสั่งยาต้านไวรัสหรือยาต้านแบคทีเรียโดยเฉพาะ การหลีกเลี่ยงสารระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้และการปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี สามารถช่วยจัดการกับผื่นที่อวัยวะเพศได้เช่นกัน
ใครมีความเสี่ยงเป็นตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง
- ผู้ที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศไม่เพียงพอ มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนัง เช่น โรคกลาก โรคสะเก็ดเงิน ไลเคนสเคลโรซัส ฯลฯ
- ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้นที่มีฤทธิ์รุนแรง
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือมีคู่นอนหลายคน
- พฤติกรรมชอบใช้เซ็กส์ทอย หรือใส่วัตถุแปลกปลอมเข้าไปในช่องคลอดโดยไม่ได้ทำความสะอาด
- การสวมกางเกงชั้นในที่รัดแน่น ทำให้เกิดการเสียดสีกับอวัยวะเพศ
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้ไวต่ออาการระคายเคืองและผื่นขึ้นได้ง่าย
- ผู้ป่วย เช่น โรคเบาหวานหรือความผิดปกติของภูมิต้านทานตนเอง สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันได้ ทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อและการระคายเคืองต่อผิวหนังมากขึ้น
เป็นตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง คล้ายสิว แบบไหนที่ควรไปพบแพทย์
อาการเป็นตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง คล้ายสิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการปวด คัน แสบร้อน หรือมีของเหลวไหลออกมาร่วมด้วย ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยสูตินรีแพทย์เฉพาะทาง ดูแลด้านความงามจุดซ่อนเร้นและสุขภาพเพศโดยเร่งด่วน ตัวอย่างเช่น
- ตุ่มที่มีลักษณะเป็นแผลพุพอง อาจเป็นอาการของเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งจำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยเพื่อรักษาอย่างถูกวิธี
- ตุ่มลักษณะก้อนแข็งขึ้นเป็นกระจุก ๆ บริเวณอวัยวะเพศ อาจเกิดจากเชื้อไวรัส Human papillomavirus (HPV) หรือหูดที่อวัยวะเพศ จำเป็นต้องใช้ยาเฉพาะที่
- ผื่นแดงหรือเป็นริมแข็ง ๆ อาจเป็นอาการระยะแรกของซิฟิลิส เพื่อป้องกันการลุกลามไปสู่ระยะที่ร้ายแรงขึ้น จำเป็นต้องให้แพทย์เฉพาะทางตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
- ตุ่มหรือผื่นแดงลักษณะเป็นวงกลม อาจบอกถึงการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ช่องคลอดอักเสบ
- ตุ่มหรือผื่นแดงลักษณะกระจายไปทั่วไม่จำกัดรูปแบบ มีอาการระคายเคืองหรือคันร่วมด้วย เป็นลักษณะอาการแพ้สัมผัส กับสารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เช่น สบู่ ครีมบำรุงที่ใช้ทาบริเวณจุดซ่อนเร้น น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักผ้า ฯลฯ ส่งผลให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ หากมีอาการรุนแรงหรือเป็นผื่นแพ้เป็นเวลานานควรรีบไปพบแพทย์
- ตุ่มหนองหรือตุ่มใส มีอาการคันมาก อาจเกิดจากการติดเชื้อปรสิต เช่น ไรหิดหรือเหา บริเวณอวัยวะเพศ
- ตุ่มพุพองมีของเหลวภายใน อาจบ่งบอกถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน หนองในเทียม หรือเชื้อ Trichomoniasis จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีโดยสูตินรีแพทย์ฯ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
แนวทางป้องกันการเป็นตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง คล้ายสิว มีอะไรบ้าง
อาการเป็นตุ่มคล้ายสิวที่อวัยวะเพศหญิง เกิดขึ้นได้จากหลายเหตุปัจจัย การป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพทางเพศที่ดีทั้งกับตนเองและคู่รัก ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคร้าย หรือปัญหาสุขภาพทางเพศคอยรบกวนการดำเนินชีวิต สำหรับแนวทางป้องกันด้วยตนเองง่าย ๆ มีดังนี้
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ไม่แกะ เกา บีบ เค้น หรือสัมผัสตุ่มที่อวัยวะเพศ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ดูแลความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศอย่างถูกสุขอนามัย
- เลือกใส่กางเกงชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงกางเกงชั้นในที่รัดรูปมากเกินไป
- ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- หมั่นสังเกตความผิดปกติบริเวณอวัยวะเพศอยู่เสมอ ว่ามีเม็ดตุ่ม แผลพุพอง หรืออาการผิดปกติใด ๆ หรือไม่
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี รวมไปถึงตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เป็นตุ่มสีขาวที่อวัยวะเพศหญิง คล้ายสิว รักษาอย่างไร
ผู้หญิงที่มีผื่นขึ้นที่อวัยวะเพศ หรือเป็นตุ่มที่อวัยวะเพศหญิง คล้ายสิว จำเป็นต้องขอคำแนะนำจากสูตินรีแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการวินิจฉัยและมีวิธีการรักษาที่เหมาะสม ผื่นบริเวณอวัยวะเพศอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการติดเชื้อ (เช่น การติดเชื้อรา การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) ปฏิกิริยาการแพ้ ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส หรือสภาพผิวอื่น ๆ สำหรับตัวเลือกการรักษาอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสาเหตุของผื่น
ยาต้านเชื้อรา : หากผื่นเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ อาจใช้ยาครีมต้านเชื้อราหรือยารับประทาน
ยาปฏิชีวนะ : หากผื่นเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อาจจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาภาวะติดเชื้อ
ยาต้านไวรัส : ในกรณีของการติดเชื้อไวรัส เช่น เริม อาจมีการสั่งยาต้านไวรัส เพื่อจัดการกับอาการและลดความถี่ของการระบาด
ครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์ : สำหรับผื่นที่เกิดจากการอักเสบหรืออาการแพ้ ครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์อาจช่วยลดอาการคันและการอักเสบได้
การหลีกเลี่ยงสารระคายเคือง : หากผื่นเกิดจากผิวหนังอักเสบจากการสัมผัสหรือการระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์บางชนิด (เช่น สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ครีมบำรุงผิวบริเวณจุดซ่อนเร้น หรือสารเคลือบถุงยางอนามัย) การหลีกเลี่ยงสารระคายเคืองเหล่านี้อาจช่วยให้อาการดีขึ้นได้
รักษาความสะอาด และแห้งบริเวณอวัยวะเพศ : สุขอนามัยที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อเพิ่มเติมได้ การหลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูปและการสวมชุดชั้นในผ้าฝ้าย สามารถช่วยให้บริเวณอวัยวะเพศให้แห้ง และลดการระคายเคืองได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตุ่มที่อวัยวะเพศ
ตุ่มที่อวัยวะเพศเกิดจากอะไร?
ตุ่มที่อวัยวะเพศอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัส เช่น หูดหงอนไก่ การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซิฟิลิส หรือการระคายเคืองจากสารเคมีหรือการโกนขน
ตุ่มที่อวัยวะเพศมีอาการอย่างไร?
อาการตุ่มที่อวัยวะเพศอาจแตกต่างกันไป เช่น ตุ่มใส ตุ่มแดง ตุ่มมีหนอง หรือเป็นก้อนนูน อาจมีอาการคัน เจ็บ หรือไม่มีอาการร่วมเลย ขึ้นอยู่กับสาเหตุของตุ่ม
ตุ่มที่อวัยวะเพศอันตรายหรือไม่?
ตุ่มที่อวัยวะเพศอาจไม่เป็นอันตรายหากเกิดจากสาเหตุที่ไม่รุนแรง เช่น ขนคุด แต่ถ้าเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม หรือหูดหงอนไก่ ควรรีบปรึกษาแพทย์
ควรทำอย่างไรหากพบตุ่มที่อวัยวะเพศ?
หากพบตุ่มที่อวัยวะเพศ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเกา และปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม โดยเฉพาะหากตุ่มไม่หายภายในไม่กี่วันหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย
การรักษาตุ่มที่อวัยวะเพศทำได้อย่างไร?
การรักษาตุ่มที่อวัยวะเพศขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น การใช้ยาทา ยาต้านไวรัส หรือยาปฏิชีวนะ แพทย์อาจแนะนำการดูแลเฉพาะจุดร่วมด้วยเพื่อป้องกันการลุกลามหรือการติดเชื้อซ้ำ
สรุป
หากท่านใดกำลังประสบปัญหาเป็นตุ่มที่อวัยวะเพศ คล้ายสิว ไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุใด เบื้องต้นควรล้างมือให้สะอาดก่อน และหลังการสัมผัสทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกา หรือบีบเค้น เพื่อป้องกันการอักเสบและลุกลาม และหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรรีบไปพบสูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านการดูแลจุดซ่อนเร้นผู้หญิง เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและมีวิธีการรักษาอย่างเหมาะสม เนื่องจากการวินิจฉัยและการรักษาด้วยตนเอง อาจทำให้อาการแย่ลงหรือนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้