เป็นแผลที่อวัยวะเพศหญิง รู้ทันสาเหตุและการรักษาอย่างถูกวิธี
สาเหตุเป็นแผลที่อวัยวะเพศหญิง เป็นเรื่องน่าหนักใจที่สาว ๆ ทุกคนไม่อยากพบเจอ เพราะคงไม่ดีแน่หากจุดซ่อนเร้นเกิดการระคายเคือง หรือเจ็บปวด เพราะนอกจากทำให้รู้สึกรำคาญ ไม่สบายตัวแล้ว ยังส่งผลต่อการทำงาน ความสุขในชีวิต รวมถึงอาจทำลายความสัมพันธ์ใกล้ชิดก็เป็นได้ วันนี้พามาส่องปัญหา อาการเป็นแผลที่อวัยวะเพศหญิงเกิดจากสาเหตุใด เพื่อหาทางป้องกันและวิธีรับมืออย่างถูกต้อง จะมีเรื่องราวน่าติดตามอะไรบ้าง ตามมาดูกัน
สาเหตุที่ทำให้เป็นแผลที่อวัยวะเพศหญิง
แผลที่เกิดบริเวณอวัยวะเพศหญิงอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถแบ่งได้กว้าง ๆ แยกการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อได้ดังนี้
-
แผลที่เกิดจากการติดเชื้อ
ไวรัสเริม (HSV) : การติดเชื้อ HSV-1 หรือ HSV-2 ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสผิวหนังโดยตรงกับผู้ติดเชื้อ ทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของไวรัสในผิวหนังและเยื่อเมือก
ซิฟิลิส : เกิดจากติดเชื้อ Treponema pallidum ซึ่งมักติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แบคทีเรียจะแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังหรือเยื่อเมือกและทำให้เกิดการติดเชื้อเฉพาะที่จนเป็นแผลได้
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (LGV) : เกิดจากการติดเชื้อ Chlamydia trachomatis ซีโรไทป์เฉพาะที่ ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ ในระยะแรกจะทำให้เกิดแผลเล็ก ๆ ก่อนลุกลามไปสู่ระบบน้ำเหลือง
เนื้องอกที่ขาหนีบ (Donovanosis) : เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Klebsiella granulomatis ซึ่งติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ เชื้อแบคทีเรียจะบุกรุกเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดแผลเรื้อรังและลุกลาม
โรคแคนดิดา : เกิดจากการเจริญเติบโตมากเกินไปของเชื้อราแคนดิดา มักเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ การใช้ยาปฏิชีวนะ หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ไปรบกวนจุลินทรีย์ภายในช่องคลอดปกติ ทำให้เกิดการอักเสบและเป็นแผลรุนแรงในบางกรณี
การติดเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ : เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นจากรอยโรคที่มีอยู่หรือจากภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นจนทำให้เกิดแผลได้
-
แผลที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ
ไลเคน พลานัส (Lichen Planus) : การอักเสบเรื้อรังที่ผิวหนัง ซึ่งเป็นภาวะอักเสบที่ไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง ส่งผลต่อผิวหนังและเยื่อเมือก ทำให้เกิดแผล
ไลเคน สเคอโรซัส (Lichen sclerosus) : เกิดจากโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง อาจเกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ทำให้ผิวหนังบางลงและมีรอยขาว ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลได้
แผลร้อนใน : อาการคล้ายกับแผลร้อนในในช่องปาก ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ก็อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ความเครียด หรือการขาดสารอาหาร
โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง : โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันที่โจมตีเนื้อเยื่อที่แข็งแรง ทำให้เกิดการอักเสบและเกิดแผลในที่สุด
ผื่นแพ้ยา (Fixed Drug Eruption) : เป็นอาการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อยาบางชนิด ทำให้เกิดแผลซ้ำในบริเวณเดิมทุกครั้งที่รับประทานยา
มะเร็งร้าย : มะเร็งช่องคลอดหรือเนื้องอกอื่น ๆ อาจทำให้เกิดแผลเนื่องจากการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติที่ไม่สามารถควบคุมได้ซึ่งบุกรุกเนื้อเยื่อโดยรอบ
การแพ้สัมผัส : การสัมผัสกับสารระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้บางชนิด ที่มาจากของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เส้นใยผ้า สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบริเวณจุดซ่อนเร้น อาจทำให้เกิดการอักเสบและเป็นแผลที่ผิวหนังได้
การเสียดสี : การเสียดสีของน้องสาวอันเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ก็ดี การสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปก็ดี ล้วนทำให้น้องสาวเกิดการระคายเคืองและอาจเป็นแผลได้ โดยเฉพาะหากเลเบียมีขนาดใหญ่ ยื่น หรือย้อยมากกว่าปกติ
เป็นแผลที่อวัยวะเพศหญิง มักเกิดกับผู้หญิงวัยใด
แผลที่อวัยวะเพศหญิงอาจเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย และอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น อาการบาดเจ็บ การติดเชื้อ โรคผิวหนัง หรือขั้นตอนการผ่าตัด ต่อไปนี้เป็นภาพรวมที่จัดเรียงตามอายุที่มีโอกาสเกิดบาดแผลมากที่สุด
-
ทารกและเด็กหญิง (อายุ 0-10 ปี)
ผื่นผ้าอ้อม (โรคผิวหนังอักเสบจากผ้าอ้อม) : มักเกิดขึ้นกับทารกและเด็กเล็ก เนื่องจากสัมผัสผ้าอ้อมเปียกเป็นเวลานาน
ภาวะช่องคลอดไม่เปิด : เป็นภาวะที่มีเยื่อพังผืดยึดติดระหว่างแคมนอก 2 ข้าง ความผิดปกตินี้สามารถพบได้ในทารกเพศหญิงอายุระหว่าง 3 เดือน – 6 ปี ทำให้รู้สึกไม่สบายหรือปัสสาวะลำบาก
การบาดเจ็บที่อวัยวะเพศ : การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจากการตกกระแทกหรือบาดเจ็บจากการนั่งคร่อม
-
ช่วงก่อนวัยรุ่นและวัยรุ่น (อายุ 11-18 ปี)
บาดแผล : จากการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา อุบัติเหตุ หรือกิจกรรมทางเพศ
การติดเชื้อ : ภาวะช่องคลอดอักเสบอาจเกิดขึ้นได้บ่อยเนื่องจากสุขอนามัยไม่ดีหรือมีสิ่งระคายเคือง
การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) : อาจเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศโดยไม่ป้องกัน
-
ช่วงหนุ่มสาว (อายุ 19-30 ปี)
โรคฝีต่อมบาร์โธลิน : การอุดตันของต่อม Bartholin จนกลายเป็นถุงน้ำออกมาบริเวณปากช่องคลอด อาจทำให้เกิดซีสต์หรือฝีที่เจ็บปวดได้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ : เพิ่มความเสี่ยงเมื่อมีกิจกรรมทางเพศที่ถี่ขึ้น หรือไม่มีการป้องกัน
เงื่อนไขทางผิวหนัง : เงื่อนไขเช่น โรคกลากหรือโรคสะเก็ดเงิน อาจส่งผลต่อบริเวณอวัยวะเพศ
-
ผู้ใหญ่ (อายุ 31-50 ปี)
ไลเคนสเคลอโรซัส : ภาวะเรื้อรังที่ทำให้ผิวหนังเป็นรอยขาวบาง ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การฉีกขาดหรือแผลได้
อาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการคลอดบุตร : การฉีกขาดหรือการตัดฝีเย็บในระหว่างการคลอดบุตร
บาดแผลจากการผ่าตัด : จากขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การผ่าตัดมดลูก หรือการผ่าตัดทางนรีเวชอื่น ๆ
-
สตรีวัยหมดประจำเดือน (อายุ 51 ปีขึ้นไป)
ภาวะช่องคลอดอักเสบ : ผนังช่องคลอดบางลงเนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง อาจทำให้เกิดอาการแห้งและระคายเคือง จนเกิดการฉีกขาดเล็ก ๆ หรือแผลได้
ไลเคนพลานัส : โรคภูมิแพ้ตัวเองที่ทำให้เกิดแผลที่เจ็บปวดในบริเวณอวัยวะเพศ
มะเร็งช่องคลอด : แม้จะพบได้น้อย แต่ก็สามารถปรากฏเป็นแผลหรือรอยโรคที่ช่องคลอดได้
หมายเหตุ : โอกาสเกิดภาวะเฉพาะต่าง ๆ จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละบุคคล พันธุกรรม ไลฟ์สไตล์ และปัจจัยอื่น ๆ หากสงสัยว่ามีบาดแผลหรือความเสี่ยงใด ๆ ขอแนะนำให้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
เป็นแผลที่อวัยวะเพศหญิง ดูแลตนเองอย่างไร
- รักษาบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาดและแห้ง ใช้สบู่อ่อน ๆ ที่ไม่มีกลิ่นและน้ำหอม หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เนื่องจากอาจไปทำลายสมดุลตามธรรมชาติของแบคทีเรีย
- หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรง เลือกสวมกางเกงชั้นในผ้าฝ้ายหลวม ๆ ที่ระบายอากาศได้ เพื่อลดการระคายเคือง
- บรรเทาอาการปวดด้วยการใช้ยาแก้ปวดที่ซื้อเองได้ เช่น ไอบูโพรเฟนหรืออะเซตามิโนเฟน ประคบเย็นบริเวณที่เป็น เพื่อลดอาการบวมและไม่สบาย
- ส่งเสริมการรักษาด้วยการหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางเพศจนกว่าแผลจะหาย เพื่อป้องกันการระคายเคืองเพิ่มเติม
- การดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารให้สมดุล ช่วยรักษาสุขภาพผิวโดยรวม และลดอาการระคายเคืองได้
- ควรได้รับการตรวจเลือดและตรวจภายในหากแผลที่อวัยวะเพศนั้นค่อนข้างแน่ชัดว่าเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เป็นแผลที่อวัยวะเพศหญิง แบบไหนควรไปพบแพทย์
แผลที่อวัยวะเพศหญิงอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งบางสาเหตุจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ทันที ลักษณะต่อไปนี้คืออาการและสถานการณ์ที่ควรไปพบสูตินรีแพทย์
- อาการปวดรุนแรง : หากมีแผลร่วมกับอาการปวดรุนแรงจนรบกวนการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- มีไข้ : การมีไข้ร่วมกับแผลอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- อาการบวมและแดง : อาการบวม แดง หรือรู้สึกอุ่นอย่างเห็นได้ชัดรอบ ๆ แผลอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อรุนแรง
- มีหนองหรือมีตกขาว : หากแผลมีหนองไหลออกมา หรือมีตกขาวผิดปกติที่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง
- มีเลือดออก : บาดแผลที่เลือดออกง่าย
- มีแผลหลายแห่ง : หากมีแผลหลายแห่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ เช่น โรคเริม
- ต่อมน้ำเหลืองบวม : ต่อมน้ำเหลืองบวมในบริเวณขาหนีบพร้อมกับแผลอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
- อาการอื่น ๆ : หากแผลมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะลำบาก คัน หรือแสบร้อน
- แผลที่เกิดซ้ำ : หากแผลกลับมาเป็นซ้ำหรือไม่หายภายในระยะเวลาอันสมควร
- การสูญเสียน้ำหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ : การสูญเสียน้ำหนักอย่างมากร่วมกับแผลที่อวัยวะเพศอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า
กล่าวโดยสรุปการเป็นแผลที่อวัยวะเพศหญิง เกิดได้จากหลายเหตุปัจจัยและเกิดขึ้นได้ทุกวัย การรู้เท่าทันถึงต้นตอของปัญหา ร่วมกับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง ดูแลด้านความงามจุดซ่อนเร้นและสุขภาพเพศ สามารถเปลี่ยนจากหนักให้เป็นเบา ช่วยให้ผู้หญิงสามารถกลับมามีสุขภาพทางเพศ และคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว สำหรับท่านใดที่ประสบกับปัญหาสุขภาพทางเพศรบกวนจิตใจ ต้องการปรึกษา หรืออยากที่จะปรับปรุงแก้ไขทั้งด้านสุขภาพและรูปลักษณ์น้องสาวและน้องชายของตนเอง อย่ามัวแต่เขินอาย GENITIQUE CLINIC ยินดีเป็นพื้นที่ปลอดภัย ให้คำแนะนำพร้อมแนวทางการรักษาที่เหมาะสมแก่คนไข้ทุกคน ดำเนินงานโดยสูตินรีแพทย์ เฉพาะทางดูแลด้านเวชศาสตร์ความงามทางนรีเวชและสุขภาพทางเพศ ที่มีประสบการณ์ดูแลคนไข้มายาวนานกว่า 10 ปี สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 062-924-4966 6 หรือ Line: @Genitiqueclinic เรายินดีให้บริการอย่างใกล้ชิดทุกเคสค่ะ