ตกขาวสีน้ำตาล เกิดจากอะไร? สัญญาณอันตรายที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
การพบว่าตัวเองมีตกขาวสีน้ำตาลอาจทำให้ผู้หญิงหลายคนรู้สึกกังวลใจและไม่สบายใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการนี้มักเกิดจากการที่ร่างกายขับเลือดเก่าที่ตกค้างจากรอบเดือนก่อนหน้าออกมา ซึ่งไม่เป็นอันตราย แต่ในขณะเดียวกัน ตกขาวที่มีเลือดปนก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะผิดปกติบางอย่างที่ควรได้รับการใส่ใจ การทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงจะช่วยให้เราดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที ที่ GENITIQUE CLINIC เราเข้าใจทุกความกังวลของผู้หญิง บทความนี้จะมาไขทุกข้อสงสัยว่าตกขาวสีน้ำตาลเกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ และเมื่อไหร่ที่ควรมาพบแพทย์ค่ะ
ตกขาวสีน้ำตาลเกิดจากอะไรได้บ้าง? 10 สาเหตุที่พบบ่อย
ภาวะตกขาวสีน้ำตาลสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่กระบวนการทางสรีรวิทยาปกติไปจนถึงสัญญาณของโรคที่ต้องได้รับการรักษา มาดูกันว่ามีสาเหตุใดบ้างที่เป็นไปได้
- เลือดเก่าตกค้าง: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือเลือดประจำเดือนเก่าที่ไหลออกมาไม่หมดในช่วงท้ายของรอบเดือน เมื่อผสมกับตกขาวจึงเห็นเป็นสีน้ำตาล
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง): เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ผนังช่องคลอดจะบางลงและอาจมีเลือดซึมออกมาปนกับตกขาวได้ง่ายขึ้น
- เลือดออกจากการฝังตัวของตัวอ่อน: ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ (ประมาณ 7-14 วันหลังปฏิสนธิ) อาจมีเลือดออกเล็กน้อยขณะที่ตัวอ่อนฝังตัวกับผนังมดลูก หรือที่เรียกกันว่า “เลือดล้างหน้าเด็ก”
- เลือดออกช่วงตกไข่: ผู้หญิงบางคนอาจมีเลือดออกเล็กน้อยในช่วงกลางรอบเดือนซึ่งเป็นช่วงตกไข่ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- การติดเชื้อในช่องคลอดและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์: ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย, เชื้อรา หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน, เริม อาจทำให้เกิดการอักเสบและมีเลือดปนออกมาได้
- ความผิดปกติบริเวณปากมดลูก: ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก หรือภาวะปากมดลูกอักเสบ อาจทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้
- เนื้องอกในมดลูกหรือติ่งเนื้อในโพรงมดลูก: แม้ส่วนใหญ่จะไม่ใช่มะเร็ง แต่ก็อาจเป็นสาเหตุของเลือดออกกะปริบกะปรอยได้
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด: เช่น ยาคุมกำเนิด หรือการบำบัดด้วยฮอร์โมน อาจทำให้มีเลือดออกในช่วงแรกที่ใช้ยา ซึ่งมักจะหายไปเอง แต่หากเป็นนานกว่านั้นควรปรึกษาแพทย์
- สัญญาณความผิดปกติของการตั้งครรภ์: ในหญิงตั้งครรภ์ ตกขาวสีน้ำตาลอาจเป็นสัญญาณของภาวะแท้งคุกคาม, ภาวะรกเกาะต่ำ หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งควรรีบพบแพทย์ทันที
- ความเครียด: ความเครียดสะสมสามารถส่งผลต่อสมดุลฮอร์โมนและทำให้รอบเดือนมาผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอยได้
ตกขาวสีน้ำตาลร่วมกับอาการคัน เกิดจากอะไร?
โดยปกติแล้วตกขาวปกติจะไม่ทำให้เกิดอาการคัน หากคุณมีตกขาวสีน้ำตาลและมีอาการคันร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของภาวะต่อไปนี้
- การติดเชื้อ: สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการติดเชื้อราหรือแบคทีเรียในช่องคลอด ซึ่งมักทำให้ตกขาวมีลักษณะผิดปกติ มีกลิ่น และคัน
- โรคผิวหนัง: โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือผิวหนังอักเสบ (Eczema) สามารถเกิดบริเวณอวัยวะเพศและทำให้เกิดอาการคันได้
- การระคายเคือง: อาจเกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด, สบู่, น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือแม้แต่การเสียดสีจากเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป รวมถึงการกำจัดขนที่ไม่ถูกวิธี
คันอวัยวะเพศจากการติดเชื้อ
- การติดเชื้อราในช่องคลอด
- การติดเชื้อแบคทีเรีย
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หูด หรือเริมที่อวัยวะเพศ หนองในแท้ (Gonorrhea) หนองในเทียม (Chlamydia) เป็นต้น
คันอวัยวะเพศจากโรค
- โรคมะเร็งปากช่องคลอด (Vulvar cancer)
- โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
- โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema)
อาการคันที่ไม่ติดเชื้อ
- การโกนขนน้องสาว ถอน แว็กซ์ขนบริเวณอวัยวะเพศ
- ความเครียดที่มากจนเกินไป เครียดเรื้อรัง
- ใส่เสื้อผ้าหรือชุดชั้นในที่รัดเกินไป
- การระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้น
เฉลย! ตกขาวสีน้ำตาล ท้องไหม
ตกขาวมีสีน้ำตาลอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ หรือที่เรียกว่า “เลือดล้างหน้าเด็ก” อาจมีตกขาวสีน้ำตาลในช่วง 7-14 วันแรก หลังไข่ที่ผสมกับน้ำอสุจิไปฝังตัวอยู่ที่มดลูก อันเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดแตกออกและไหลปนมากับตกขาวได้
ตกขาวสีน้ำตาลเป็นกี่วันถึงจะหาย
ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่า ตกขาวสีน้ำตาลจะหายได้เองหรือกี่วันหาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะสุขภาพของผู้หญิงในแต่ละคน หากมีปัญหาสุขภาพเป็นไปได้มากว่าจะกินระยะเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ ในกรณีดังกล่าวจำเป็นต้องไปพบสูตินรีแพทย์ฯ เพื่อตรวจวินิจฉัย และหาวิธีรักษาที่เหมาะสมต่อไป
วิธีดูแลตัวเองและป้องกันการเกิดตกขาวผิดปกติ
การดูแลสุขอนามัยที่ดีเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันปัญหาสุขภาพของผู้หญิง
- รักษาสุขอนามัยอย่างถูกวิธี: ทำความสะอาดภายนอกด้วยน้ำเปล่าหรือสบู่อ่อนๆ วันละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดเพราะจะทำลายสมดุลแบคทีเรียที่ดี
- เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม: สวมกางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้ายและไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ลดความอับชื้น
- จัดการความเครียด: พักผ่อนให้เพียงพอและหาวิธีผ่อนคลายความเครียด เพราะความเครียดส่งผลโดยตรงต่อสมดุลฮอร์โมน
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย: การใช้ถุงยางอนามัยช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้
- ตรวจสุขภาพประจำปี: การตรวจภายในและคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำจะช่วยให้พบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ
ตกขาวสีน้ำตาล ป้องกันได้อย่างไร
รักษาสุขอนามัยช่องคลอดที่ดี
- ทำความสะอาดด้วยการล้างบริเวณอวัยวะเพศทุกวันด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อน ๆ ที่ไม่มีกลิ่น หลีกเลี่ยงการสวนล้างเพราะอาจทำลายสมดุลตามธรรมชาติของแบคทีเรียในช่องคลอดได้
- เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ในช่วงมีประจำเดือน เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
จัดการรอบประจำเดือน
- ติดตามรอบเดือนของคุณเป็นประจำ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าจะเกิดการตกขาวเมื่อใด
- การใช้ยาคุมกำเนิดอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเลือดออกผิดปกติ
ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
- รับประทานอาหารที่สมดุล สามารถช่วยควบคุมรอบประจำเดือนของคุณได้ รวมทั้งกินอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก วิตามิน และแร่ธาตุ
- รักษาความชุ่มชื้นด้วยการดื่มน้ำปริมาณมากพอ เพื่อช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย
- หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนได้
จัดการความเครียด
- ความเครียดในระดับสูง อาจส่งผลต่อรอบประจำเดือนได้ ฝึกเทคนิคการลดความเครียดด้วยการทำสมาธิ ทำกิจกรรมที่ชอบ หางานอดิเรคทำ หรือการฝึกหายใจเข้าลึก ๆ ทั้งหมดล้วนช่วยบรรเทาความเครียดได้
ดูแลรักษาทางการแพทย์
- การตรวจสุขภาพเป็นประจำ เช่น การตรวจทางนรีเวช จะช่วยให้พบสภาวะที่ซ่อนอยู่ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- หากพบอาการติดเชื้อในช่องคลอด (คันช่องคลอด แสบร้อน กลิ่นผิดปกติ) ให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาในทันที
- หากสงสัยว่าฮอร์โมนไม่สมดุล ให้ปรึกษากับแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งสามารถแนะนำยาหรือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เพื่อช่วยควบคุมฮอร์โมนของคุณได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตกขาวสีน้ำตาล
ตกขาวสีน้ำตาลคืออะไร?
- ตกขาวสีน้ำตาลเป็นภาวะที่สารคัดหลั่งจากช่องคลอดมีสีออกน้ำตาล ซึ่งอาจเกิดจากการปนเปื้อนของเลือดเก่าในมดลูกหรือภาวะฮอร์โมนที่ไม่สมดุล
ตกขาวสีน้ำตาลเป็นอันตรายหรือไม่?
- ในบางกรณีอาจเป็นเรื่องปกติ เช่น ช่วงก่อนหรือหลังประจำเดือน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการร่วม เช่น ปวดท้องน้อยหรือมีกลิ่นผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์
ตกขาวสีน้ำตาลเกิดจากสาเหตุอะไร?
- อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เลือดตกค้างในมดลูก การตั้งครรภ์ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ การติดเชื้อ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ควรทำอย่างไรเมื่อพบตกขาวสีน้ำตาล?
- ควรสังเกตอาการร่วม เช่น ปวดท้อง มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือประจำเดือนมาช้า หากมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ตกขาวสีน้ำตาลในหญิงตั้งครรภ์ต้องกังวลหรือไม่?
- ในหญิงตั้งครรภ์อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แต่ถ้ามีอาการเลือดออกมากหรือปวดท้อง ควรรีบพบแพทย์ทันที
สรุป ตกขาวสีน้ำตาล สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
ทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของอาการตกขาวสีน้ำตาล เป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาการรักษาสุขภาพการเจริญพันธุ์โดยรวมที่เหมาะสม หากตกขาวมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวด คัน ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นรุนแรง หรือเป็นต่อเนื่องยาวนานผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการประเมินเพิ่มเติม เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออาการของโรคบางอย่างที่รุนแรงได้ อย่าปล่อยให้ปัญหาสุขภาพทางเพศมาบ่อนทำลายคุณภาพชีวิต Genitique Clinic ยินดีเป็นพื้นที่ปลอดภัย เพราะที่นี่คือคลินิกความงามจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะ ดำเนินงานโดยสูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ความงามทางนรีเวชและสุขภาพทางเพศ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยตรงที่หมายเลขโทรศัพท์ 062-924-4966 หรือ Line: @Genitiqueclinic เรายินดีให้บริการอย่างใกล้ชิดทุกเคสค่ะ