ช่องคลอดมีกลิ่น

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้อย่างได้ผล ปลอดภัยมั่นใจทุกการเคลื่อนไหว

การจัดการกับความกังวลอันเนื่องมาจากภาวะช่องคลอดมีกลิ่น เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพทางเพศของผู้หญิง แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่ช่องคลอดจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่บางครั้งกลิ่นอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพ หรือความไม่สมดุลที่ซ่อนอยู่ได้ เพื่อช่วยให้ผู้หญิงเข้าใจร่างกายของตนเองได้ดีขึ้น และขจัดความเชื่อผิด ๆ บทความนี้จะพาไปสำรวจปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการเกิดกลิ่นในช่องคลอดเกิดจากอะไร ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้ยังไง หักล้างความเข้าใจผิดที่พบบ่อย พร้อมแนะนำการรักษาแบบธรรมชาติ และการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยเข้าช่วย มีความปลอดภัย รายละเอียดจะมีอะไรบ้างมาติดตามกันได้ในบทความนี้ค่ะ

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น เกิดจากอะไร

กลิ่นตามธรรมชาติของช่องคลอดได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ สิ่งสำคัญคือต้องแยกแยะระหว่างกลิ่นที่เป็นปกติ กับกลิ่นที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาภายในช่องคลอด โดยเฉพาะหากคุณมีอาการระคายเคือง แสบร้อน คัน หรือมีตกขาวร่วมด้วย ต่อไปนี้คือสาเหตุทั่วไปบางประการที่ทำให้เกิดกลิ่นในช่องคลอดอัน ได้แก่

  • การปฏิบัติด้านสุขอนามัยที่ไม่ดี

การทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย เหงื่อ และสารอื่น ๆ ส่งผลให้กลิ่นได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม การสวนล้าง หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรงทำให้ค่า pH ในช่องคลอดเปลี่ยนไปอันเป็นที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์

  • ภาวะแบคทีเรียในช่องคลอด (BV)

โรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย คือการติดเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อย ซึ่งอาจทำให้แบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุล ส่งผลให้น้องสาวมีกลิ่นคาว มักเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายมีจำนวนมากกว่าแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ ผู้หญิงบางคนอาจมีตกขาวบาง ๆ ซึ่งเป็นภาวะช่องคลอดที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงอายุระหว่าง 15 ถึง 44 ปี

  • การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อาจทำให้เกิดกลิ่นในช่องคลอด เช่น โรคหนองในและหนองในเทียม มักไม่ได้มีกลิ่นรุนแรง แต่อาจเป็นสาเหตุของโรคได้

  • การติดเชื้อราแคนดิดาในช่องคลอด

การเจริญเติบโตมากเกินไปของเชื้อรา Candida นำไปสู่การทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นได้ อาจมีอาการคันและมีของเหลวไหลผิดปกติร่วมด้วย

  • รอบประจำเดือน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างการมีรอบเดือน อาจส่งผลต่อกลิ่นของช่องคลอด นอกจากนี้ผู้ที่มีรอบเดือนขอแนะนำให้เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 4 – 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการหมักหมม จนเป็นที่มาของกลิ่นได้

  • ความอับชื้น

การมีเหงื่อออกมากเกินไปบริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากควบคู่ไปกับการสวมเสื้อผ้าที่คับหรือไม่สามารถระบายอากาศได้ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่ส่งผลให้น้องสาวมีกลิ่นเพิ่มขึ้นได้

  • โภชนาการ

อาหารบางชนิด เช่น เครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง หรืออาหารที่มีกลิ่นฉุน (เช่น กระเทียมหรือหัวหอม) บางครั้งอาจส่งผลต่อกลิ่นตัว รวมถึงกลิ่นช่องคลอดด้วย

  • กิจกรรมทางเพศ

น้ำอสุจิ สารหล่อลื่น และสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเพศ สามารถเปลี่ยนกลิ่นช่องคลอดได้ชั่วคราว การใช้ถุงยางอนามัยหรือการไม่ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ อาจส่งผลต่อกลิ่นเช่นกัน รวมถึงการมีคู่นอนหลายคน

  • ยาบางชนิด

ยาปฏิชีวนะและยาบางชนิด อาจรบกวนสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นได้

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

ความผันผวนของฮอร์โมน เช่น ในระหว่างตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน หรือการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด อาจส่งผลต่อสภาพแวดล้อมและกลิ่นในช่องคลอด

ช่องคลอดมีกลิ่น มักเกิดกับผู้หญิงวัยใด

อาการช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นสามารถเกิดได้กับผู้หญิงหลายช่วงวัย และไม่ได้ผูกติดอยู่กับกลุ่มใดโดยเฉพาะ กลิ่นตามธรรมชาติของช่องคลอดอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความผันผวนของฮอร์โมน รอบประจำเดือน อาหาร และสุขภาพโดยรวม ดังนั้นผู้หญิงทุกวัยอาจพบปัญหากลิ่นช่องคลอดที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ หากมีกลิ่นเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หรือหากมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น คัน แสบร้อน หรือมีของเหลวไหลผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ ซึ่งต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยอาการอย่างละเอียดโดยสูตินรีแพทย์ สิ่งสำคัญคือการรักษาสุขอนามัยที่ดี การสวมชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี และการคำนึงถึงผลิตภัณฑ์ดูแลบริเวณจุดซ่อนเร้น ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพช่องคลอดที่ดีในทุกช่วงวัย หากมีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นในช่องคลอด ขอแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางด้านสุขภาพ เพื่อรับการประเมินและคำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับวิธีรักษาต่อไป

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น กลิ่นมีลักษณะใด​

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น กลิ่นมีลักษณะใด

โดยปกติแล้วภายในช่องคลอดจะประกอบไปด้วยแบคทีเรียชนิดดี และสารคัดหลั่งต่าง ๆ ที่รวมตัวกันอยู่อย่างสมดุล เพื่อรักษาค่า (pH) หรือค่าความเป็นกรด โดยช่องคลอดที่มีสุขภาพดีค่า pH จะอยู่ที่ประมาณ 4.5 คือมีความเป็นกรดอ่อน ๆ มักมีกลิ่นบาง ๆ เป็นธรรมชาติ ถือเป็นเรื่องปกติ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน และปัจจัยต่าง ๆ เช่น อาหาร สุขอนามัย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และสุขภาพโดยรวม ซึ่งการจำแนกกลิ่นของน้องสาวที่พบได้บ่อย ๆ มีดังนี้

น้องสาวมีกลิ่นปกติ

ช่องคลอดที่มีสุขภาพดีมักมีกลิ่นฉุนอ่อน ๆ กลิ่นอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อาหาร และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

น้องสาวมีกลิ่นคาว

หากน้องสาวมีกลิ่นคาว มักเกิดการอักเสบในช่องคลอดเนื่องจากแบคทีเรีย ทำให้น้องสาวมีกลิ่นเหม็นคาว หรือกลิ่นเหมือนปลาเน่า และมีตกขาวผิดปกติตามมา

น้องสาวมีกลิ่นปลาเค็ม

น้องสาวมีกลิ่นปลาเค็ม อาจเกิดจากช่วงมีประจำเดือนมากผิดปกติ มีกลิ่นคาวแรงมาก และถ้าหากติดเชื้อ กลิ่นจะยิ่งรุนแรงคล้ายกลิ่นปลาเค็ม หากกลิ่นอยู่นานไม่หายเสียที ควรพบแพทย์เพื่อใช้ยาปฏิชีวนะมารักษา

น้องสาวมีกลิ่นยีสต์

การติดเชื้อราที่ช่องคลอด มักเกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อรา Candida มากเกินไป อาจทำให้เกิดกลิ่นคล้ายยีสต์หรือขนมปังได้ และอาจมีอาการคัน และตกขาวลักษณะเหมือนนมบูดหรือโยเกิร์ตร่วมด้วย

น้องสาวมีกลิ่นเปรี้ยว คล้ายของหมักดอง

น้องสาวมีกลิ่นเปรี้ยวคล้ายของหมักดองพบได้บ่อยเช่นกัน โดยช่องคลอดจะมีกลิ่นคล้าย ๆ ขนมปังรสเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต กลิ่นลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อน้องสาวมีความเป็นกรดมากเกินไป ส่งผลให้ค่า pH เปลี่ยนไป

วิธีตรวจวินิจฉัยภาวะช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น ทำอย่างไร

ปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยหาภาวะกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่องคลอด สามารถตรวจได้ด้วย DNA ของเชื้อก่อโรคที่อยู่ในช่องคลอด วิธีนี้มีความแม่นยำสูงโดยมีทางเลือก 2 แบบ ได้แก่ 

  1. การสวอป (Vaginal Swab) หรือการใช้ไม้ป้ายเพื่อเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งในช่องคลอด กับ 
  2. การเก็บปัสสาวะหลังตื่นนอนทันที (First void urine)
 

ข้อดีของทั้ง 2 วิธี คือ มีความแม่นยำสูง สามารถตรวจได้เองที่บ้าน และส่งตัวอย่างทางไปรษณีย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดด้วยวิธี PCR (Polymerase Chain Reaction) นอกจากนี้ยังสามารถตรวจได้ทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย แถมสามารถเก็บสิ่งตรวจไว้ได้นานถึง 14 วันโดยไม่มีผลต่อความแม่นยำในการตรวจแต่อย่างใด

วิธีตรวจช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น ด้วยตัวเอง

  • ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง
  • ผู้ที่มีอาการผิดปกติที่อาจติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น มีตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น คัน เป็นผื่น มีหนองไหล หรือเจ็บอวัยวะเพศ
  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน 
  • ผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน หรือมีคู่นอนที่เสี่ยงต่อการติดโรค

อาการที่ควรไปตรวจที่โรงพยาบาล

  • ผู้ที่มีไข้ หนาวสั่น
  • ผู้ที่มีอาการปวดท้องน้อยรุนแรง
  • ผู้ที่รักษาด้วยตัวเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น
  • ผู้ที่สงสัยว่ากลิ่นเหม็นของช่องคลอดเกิดจากมะเร็ง
  • ผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยว่าติดเชื้อเอดส์ ร่วมด้วย
ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้มีกี่วิธี​

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้มีกี่วิธี

กลิ่นในช่องคลอดเป็นปัญหาที่พบบ่อยสำหรับผู้หญิง ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือผู้หญิงทุกคนมีกลิ่นช่องคลอดตามธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อม อาทิ รอบประจำเดือน สุขอนามัย การรับประทานอาหาร และสุขภาพโดยรวม อย่างไรก็ตามกลิ่นที่รุนแรงหรือผิดปกติอาจบ่งบอกถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง สำหรับวิธีแก้ปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ของน้องสาวมีหลายวิธี เช่น การดูแลสุขอนามัยจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือมีคู่นอนหลายคน เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อันเป็นต้นเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ สำหรับวิธีแก้กลิ่นเหม็นของน้องสาวด้วยวิธีธรรมชาติ มีดังนี้

  • การบริโภคอาหารที่อุดมด้วยโปรไบโอติก เช่น โยเกิร์ตที่มีเชื้อจุลินทรีย์มีชีวิต สามารถช่วยฟื้นฟูแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพในช่องคลอด ซึ่งมีส่วนช่วยปรับปรุงกลิ่นของน้องสาวได้
  • การเติมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลดิบ (ACV) ที่ไม่ผ่านการกรองหนึ่งถ้วยลงในอ่างอาบน้ำอุ่น อาจช่วยปรับสมดุล pH ในช่องคลอดและลดกลิ่นได้
  • ผู้หญิงบางคนบรรเทาอาการช่องคลอดอักเสบ ด้วยการใช้ยาเหน็บกรดบอริก ซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูค่า pH ตามธรรมชาติของช่องคลอดได้ (ต้องปรึกษาแพทย์)
  • ปฏิบัติตามสุขอนามัยบริเวณจุดซ่อนเร้นที่ดี ล้างบริเวณอวัยวะเพศภายนอก (ช่องคลอด) ด้วยสบู่อ่อนและน้ำสะอาดทุกวัน หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรง หรือการสวนล้าง
  • สวมชุดชั้นในผ้าฝ้ายที่ช่วยให้อากาศไหลเวียนได้สะดวก ลดความชื้น อันเป็นสาเหตุของการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่น หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูปและผ้าใยสังเคราะห์ที่กักความชื้น
  • ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกายและรักษาความชุ่มชื้นโดยรวม ช่วยส่งเสริมให้ช่องคลอดมีสุขภาพที่ดีขึ้น
  • ทานอาหารที่อุดมไปด้วยผักผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไม่ติดมัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม รวมถึงสุขภาพช่องคลอดด้วย
  • จัดการความเครียด ที่ส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพช่องคลอด
  • ใช้ผ้าอนามัยที่เหมาะสม และควรเปลี่ยนบ่อย ๆ (ทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง) เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตและกลิ่นของแบคทีเรีย

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นมาสาเหตุจากหลายปัจจัย อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นบริเวณจุดซ่อนเร้นที่พบได้บ่อยก็คือ ต่อมเหงื่อบริเวณน้องสาวผลิตเหงื่อมากเกินไป จนทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ ปัญหาดังกล่าวปัจจุบันสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อกน้องสาว เพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณจุดซ่อนเร้น ทำให้น้องสาวแห้งสบาย ไร้กลิ่นอับ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา เสี่ยงต่อการเกิดความอับชื้นสะสมตลอดทั้งวัน ซึ่งหัตถการโบท็อกน้องสาว จำเป็นต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีทักษะและประสบการณ์ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยของคนไข้

ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้ โดยธรรมชาติ ทำอย่างไร

หากคุณประสบกับการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นในช่องคลอด และต้องการค้นหาวิธีแก้ตามธรรมชาติ มีแนวทางปฏิบัติหลายประการที่อาจช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมในช่องคลอดที่ดีได้ อย่างไรก็ตามหากมีข้อกังวลหรือกลิ่นยังคงเกิดขึ้นไม่หายไป ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านสุขภาพทางเพศ เพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคล ต่อไปนี้เป็นวิธีทางธรรมชาติทั่วไปที่อาจมีส่วนช่วยในการลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่องคลอดได้

  • ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยสบู่อ่อน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฤทธิ์รุนแรง หรือการสวนสวนล้าง เพราะอาจทำลายสมดุลของช่องคลอดได้
  • สวมชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี เลือกชุดชั้นในผ้าฝ้าย เพื่อให้อากาศไหลเวียนและดูดซับความชื้นได้อย่างเหมาะสม
  • หมั่นดูแลขนบริเวณจุดซ่อนเร้น เล็มตกแต่งให้สั้นลงหรือกำจัดออก เพื่อให้ง่ายต่อการรักษาความสะอาด
  • ดื่มน้ำปริมาณมาก ๆ เพื่อช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย และรับประทานอาหารที่สมดุล
  • อาหารที่อุดมด้วยโปรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต มีส่วนช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพในช่องคลอด
  • การออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถส่งเสริมสุขภาพโดยรวมได้ รวมถึงสุขภาพการเจริญพันธุ์ด้วย
  • จัดการกับความเครียด เนื่องจากความเครียดอาจส่งผลต่อความสมดุลของร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จุดซ่อนเร้นที่มีกลิ่นหอม เช่น สบู่ และผลิตภัณฑ์สุขอนามัยของผู้หญิง เนื่องจากอาจไปรบกวนค่า pH ตามธรรมชาติในช่องคลอดได้
  • หากมีรอบเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 4 – 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการหมักหมม จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอันเป็นที่มาของกลิ่น
  • หลังปัสสาวะเสร็จ ให้ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดบริเวณอวัยวะเพศก่อนทวารหนัก เพื่อป้องกันแบคทีเรียจากทวารหนักแพร่กระจายไปยังช่องคลอด ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อได้
  • ไม่ตากชุดชั้นในในร่ม เพราะความอับชื้นเป็นบ่อแหล่งเพาะเชื้อโรค อาจทำให้ช่องคลอดอักเสบ หรือมีกลิ่นได้
  • สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้เสมอว่า การตอบสนองต่อวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้นของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน สิ่งที่ใช้ได้ผลกับคนหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกคนหนึ่ง หากคุณไม่แน่ใจหรือปัญหายังคงอยู่ ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านสุขภาพ เพื่อรับการประเมินอย่างละเอียดเฉพาะบุคคล ซึ่งจะสามารถช่วยระบุสาเหตุที่ชัดเจนและช่วยวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

วิธีแก้ โดยเข้ารับการรักษาจากสูตินรีแพทย์

วิธีการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดสามารถทำโดยการฉีดโบท็อกน้องสาว บริเวรต่อมเหงื่อในช่องคลอด ทั้งนี้ เป็นเพราะเหงื่อเป็นตัวการของความอับชื้น ซึ่งสามารถก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ 

ฉีดโบท็อกน้องสาว ช่วยอะไรบ้าง​

ฉีดโบท็อกน้องสาว ช่วยอะไรบ้าง

การฉีดโบท็อกน้องสาว เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากช่วยลดกลิ่นเหม็นอับอันเกิดจากเหงื่อแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาสุขภาพทางเพศได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแก้อาการช่องคลอดหดเกร็งฉับพลัน ซึ่งเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่เกิดขึ้นเองไม่สามารถควบคุมได้ หรือที่รู้จักกันคืออาการ จิ๋มล็อก  (Vaginismus) กับ จิ๋มงับ  (Penis captivus) อาการดังกล่าวทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ เพราะอวัยวะเพศชายไม่สามารถสอดใส่เข้าไปในช่องคลอดได้ หรือสอดใส่เข้าไปแล้วแต่ไม่สามารถถอนออกมาได้ นอกจากนี้โบท็อกยังช่วยบรรเทาอาการกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานกระตุก และอาการเจ็บจากช่องคลอดอักเสบได้อีกด้วย

เหงื่อออกเยอะอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำ น้องสาวมีกลิ่น

สำหรับประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช่องคลอดเกิดการอับชื้นจากเหงื่อ เป็นผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมา ปัญหาดังกล่าวรบกวนจิตใจผู้หญิงหลายคน เพราะในทางปฏิบัติ เป็นเรื่องเสียเวลาและไม่สะดวกสบาย ที่ในชีวิตประจำวันต้องคอยทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่มีกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา ทำให้ช่องคลอดเกิดการอับชื้นสะสมตลอดทั้งวัน หลายคนจึงนึกถึงการทำโบท็อก ที่ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพในการยับยั้งเหงื่อ อันเป็นที่มาของกลิ่นอับบริเวณจุดซ่อนเร้นดังกล่าว

คำถามที่พบบ่อย

กลิ่นช่องคลอดมีหลายประเภท มีทั้งกลิ่นปกติตามธรรมชาติ ซึ่งจะมีลักษณะกลิ่นฉุนอ่อน ๆ หรือกลิ่นคาวที่มักเกิดจากภาวะช่องคลอดอักเสบ กลิ่นจะคล้ายกับปลาเน่า และมีตกขาวร่วมด้วย หรือกลิ่นปลาเค็มซึ่งจะให้กลิ่นคาวแรงมาก หรือกลิ่นเปรี้ยวคล้ายของหมักดองซึ่งเกิดจากน้องสาวมีความเป็นกรดสูงเป็นต้น

กลิ่นช่องคลอดอาจเป็นเรื่องปกติ และแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อย่างไรก็ตามกลิ่นที่รุนแรงและเป็นอยู่นานไม่หายเสียที เป็นไปได้ว่าอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น ได้แก่ ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อยีสต์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) เช่น การติดเชื้อไตรโคโมแนส สุขอนามัยที่ไม่ดี การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือการใช้ยาบางชนิด สิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของกลิ่น และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากคุณสังเกตว่าน้องสาวมีกลิ่นรุนแรงผิดปกติ หรือคงอยู่นาน ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี

อาหารบางประเภท และกิจกรรมบางอย่าง อาจมีส่วนทำให้กลิ่นช่องคลอดแย่ลงได้  เช่น กระเทียม หัวหอม อาหารรสเผ็ด ฯลฯ นอกจากนี้การสูบบุหรี่ก็อาจส่งผลต่อกลิ่นตัวรวมถึงกลิ่นช่องคลอดด้วย เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่

สรุป

ปัญหาจุดซ่อนเร้น ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความกังวล ส่งผลต่อความมั่นใจในทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน อย่าปล่อยให้ปัญหาดังกล่าวมาทำลายความสุขในชีวิต หากท่านใดที่กำลังประสบปัญหาช่องคลอดมีกลิ่นอับชื้น อันเกิดจากเหงื่อที่ออกมากเกินไปบริเวณจุดซ่อนเร้น ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมบริเวณช่องคลอด ไม่ให้เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา อันมีเหงื่อเป็นสาเหตุหลักของปัญหา ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้ ควรปรึกษาที่ Genitique Clinic รู้และเข้าใจปัญหาสุขภาพช่องคลอดอย่างมืออาชีพ ดำเนินงานโดยสูตินรีแพทย์หญิงเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ด้านการดูแลจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือพูดคุยและปรึกษากับทีมแพทย์เฉพาะทางได้โดยตรง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เรายินดีให้บริการอย่างใกล้ชิดทุกเคสค่ะ